บิตคอยน์(BTC) ร่วงหลุด 100,000 ดอลลาร์ เซ่นพิษศึกสหรัฐฯ–อิหร่าน ตลาดคริปโตสูญกว่า 1 พันล้านเหรียญ

ความตึงเครียดระลอกใหม่ระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่าน ส่งผลให้ตลาดคริปโตเผชิญ ‘แรงสั่นสะเทือน’ อย่างฉับพลัน โดยราคาบิตคอยน์(BTC) ร่วงลงมากกว่า 4% ภายในวันเดียว หลุดระดับ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.39 ล้านบาท) เป็นครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศว่า สหรัฐฯ ได้ทำการโจมตีทางอากาศใส่สถานีงานนิวเคลียร์ในอิหร่าน 3 แห่ง พร้อมยืนยันว่าปฏิบัติการดังกล่าว ‘ประสบความสำเร็จ’ และอ้างว่าสามารถ ‘ทำลายสิ้น’ แหล่งนิวเคลียร์เหล่านั้นได้

ทันทีที่ข่าวการโจมตีเผยแพร่ออกไป รัฐบาลอิหร่านได้ออกมาเตือนอย่างรุนแรงว่าจะปิดช่องแคบฮอร์มุซ จุดยุทธศาสตร์สำคัญของการขนส่งน้ำมันโลก แน่นอนว่าท่าทีนี้ทำให้ทั่วโลกตื่นตระหนก ตลาดการเงินทั่วโลกร่วงระนาว และตลาดคริปโตเองก็หนีไม่พ้นคลื่นกระแทกในครั้งนี้ ตลอด 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีแรงเทขายอย่างหนัก ส่งผลให้มีการชำระบัญชี(ลิควิดเดชัน)ไปแล้วมากถึง 1.02 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.41 หมื่นล้านบาท) โดยไม่ใช่แค่บิตคอยน์เท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แต่อีเธอเรียม(ETH), โซลานา(SOL) และเหล่าอัลต์คอยน์หลักต่างก็ดิ่งทะลุแนวรับไปตามกัน

นักวิเคราะห์ชี้ว่าแนวรับสำคัญของบิตคอยน์ในขณะนี้อยู่ที่ช่วง 100,000–102,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.39–1.41 ล้านบาท) หากสามารถยืนเหนือโซนนี้ได้ มีความเป็นไปได้ที่จะเกิด ‘ดีดตัวสั้น’ หรือเข้าสู่ภาวะทรงตัว แต่หากราคาหลุดต่ำกว่านี้ แนวรับถัดไปจะอยู่ที่ราว 96,000–97,000 ดอลลาร์ (ราว 1.33–1.35 ล้านบาท) โดยภายใต้สถานการณ์ล่าสุด ราคาบิตคอยน์ได้หลุดออกนอกกรอบแนวรับสำคัญนี้ลงมาแล้ว

ในแง่ของ ‘เทคนิคัล’ หลายดัชนีเริ่มแสดงสัญญาณว่ากระแสขาขึ้นระยะยาวเริ่มอ่อนแรงลง นักวิเคราะห์บางรายออกมาเตือนว่า หากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างประเทศยังคงยืดเยื้อ มีความเป็นไปได้สูงที่บิตคอยน์จะเข้าสู่โหมด ‘พักฐาน’ หรือแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบราวหลายสัปดาห์ต่อไป แม้อาจมีแรงซื้อในช่วงสั้น แต่ภายใต้ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และภาพสายเทคนิคที่ไม่ชัดเจน ก็ยากที่จะคาดหวังการกลับเข้าสู่ขาขึ้นที่ชัดเจนในเร็ววัน

*ความคิดเห็น*: เหตุการณ์ในครั้งนี้ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าตลาดคริปโตยังคงอ่อนไหวต่อปัจจัยภายนอกอย่างมาก โดยเฉพาะความเสี่ยงระดับมหภาค เช่น ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ นักลงทุนจึงควรตระหนักถึง *ความสำคัญของการบริหารความเสี่ยง* มากกว่าที่เคย และเตรียมกลยุทธ์รับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดฝันอีกครั้งในอนาคต