แบล็คร็อกโอนอีเธอเรียม(ETH) มูลค่า 257 ล้านบาทสู่คอยน์เบสไพรม์ ตลาดจับตาเสี่ยงเทขายรอบใหญ่

แบล็คร็อก(BlackRock) บริษัทจัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้โอนอีเธอเรียม(ETH) จำนวน 8,172 เหรียญ มูลค่าราว 257 ล้านบาท ไปยังกระเป๋าเงินของคอยน์เบสไพรม์(Coinbase Prime) ทำให้นักลงทุนทั่วตลาดเริ่มเกิดความวิตกเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของแรงขายครั้งใหญ่ในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อก่อนหน้านี้ แบล็คร็อกได้สะสมอีเธอเรียมอย่างต่อเนื่อง และนี่เป็นครั้งแรกที่มี ‘สัญญาณ’ ว่าอาจกำลังเตรียมขาย

ข้อมูลจากแพลตฟอร์มวิเคราะห์ออนเชน ลูคออนเชน(Lookonchain) ระบุว่า การเคลื่อนย้าย ETH ครั้งนี้ของแบล็คร็อกมีแนวโน้มว่าจะเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการขาย เนื่องจากการโอนเหรียญไปยังแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนมักเชื่อมโยงกับการขายในตลาด ความเคลื่อนไหวเช่นนี้จึงกลายเป็นสิ่งที่นักลงทุนและนักวิเคราะห์ไม่สามารถมองข้ามได้

อย่างไรก็ดี ยังมีความเป็นไปได้ว่าการย้ายเหรียญในครั้งนี้อาจเป็นเพียงการปรับพอร์ตเพื่อลดความเสี่ยงหรือแผนบริหารสินทรัพย์ใหม่ของแบล็คร็อก อย่างไรก็ตาม *ความเป็นไปได้ที่แบล็คร็อกอาจทำการขาย ETH ส่งผลให้ตลาดเกิดความตึงเครียด* เพราะหากเกิดขึ้นจริง จะสร้างแรงกดดันต่อราคาของ ETH และอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนอื่นๆ โดยเฉพาะรายย่อย

ไม่ใช่แค่แบล็คร็อกเพียงรายเดียวที่แสดงพฤติกรรมลักษณะนี้ เพราะในช่วงเวลาใกล้เคียงกันยังตรวจพบว่า ‘วาฬอีเธอเรียม’ หลายรายได้เคลื่อนย้ายและขาย ETH ปริมาณเกิน 5,000 เหรียญ หรือราว 158 ล้านบาท สถานการณ์นี้สร้างแรงกดดันเพิ่มเติมต่อตลาดและอาจทำให้เกิดการขายอย่างตื่นตระหนกในหมู่นักลงทุนรายย่อย

ราคาของอีเธอเรียมในขณะนี้ลดลง 0.72% เมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า อยู่ที่ระดับ 2,264 ดอลลาร์ หรือราว 3.14 ล้านบาท โดยในช่วงวันมีการพุ่งขึ้นไปแตะระดับ 2,285 ดอลลาร์ หรือประมาณ 3.17 ล้านบาท ขณะที่ *ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 6.65%* ทำให้ยังคงมีสภาพคล่องในระยะสั้นคิดเป็นมูลค่า 244.2 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 33.9 ล้านล้านบาท

การเคลื่อนไหวของราคาต่อจากนี้จะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายด้าน ทั้ง ‘แบล็คร็อกจะขายจริงหรือไม่’, ‘สัญญาณฟื้นตัวของกราฟเทคนิค’ รวมไปถึง ‘ปฏิกิริยาของตลาด’ ต่อการเทขายขนาดใหญ่ *ความคิดเห็น*จากนักวิเคราะห์ระบุว่าสิ่งที่สถาบันอย่างแบล็คร็อกกระทำมักส่งสัญญาณบางอย่างถึงตลาด และอาจถือเป็น ‘จุดเปลี่ยนของแนวโน้มราคากลาง-ยาวของอีเธอเรียม’ ได้เลย

ภาวะเช่นนี้ทำให้ทุกสายตาจับจ้องไปที่การเคลื่อนไหวของแบล็คร็อกในช่วงถัดไป ว่าจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนเชิงบวกต่อความสนใจจากนักลงทุนรายย่อย หรือกลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของ ‘คลื่นการขายอีกระลอก’ หรือไม่