จอห์น ดีตันชี้ วอลล์สตรีตกำลังเร่งถือครองคริปโตตามโมเดลไมเคิล เซย์เลอร์

จอห์น ดีตัน ทนายความชื่อดังที่เป็นผู้สนับสนุนริปเปิล(XRP) ออกมาแสดงความคิดเห็นอีกครั้งเกี่ยวกับแนวโน้มของวอลล์สตรีตที่เข้ามาผสานรวมกับโลกคริปโต เขาอ้างอิงจากรายงานของ CNBC โดยระบุว่า ขณะนี้ภาคการเงินดั้งเดิมกำลังพยายามใช้โมเดลการถือครองบิตคอยน์(BTC) ของไมเคิล เซย์เลอร์ ผู้ร่วมก่อตั้งไมโครสเตรทิจี(MSTR) กับอีเธอเรียม(ETH) เช่นกัน

ดีตันเคยย้ำจุดยืนนี้มาหลายปีว่า ‘วอลล์สตรีตในที่สุดจะยอมรับคริปโตเป็นสินทรัพย์ในคลัง’ โดยเฉพาะผ่านการจัดตั้งกองทุน ETF ที่อิงกับบิตคอยน์, ริปเปิล, อีเธอเรียม และโซลานา(SOL) แม้ในช่วงแรกจะถูกมองว่าเป็นแนวคิดเพ้อฝัน แต่ตลาดล่าสุดเริ่มสะท้อนความเป็นไปได้ในทิศทางเดียวกับที่ดีตันคาดการณ์ไว้

สอดคล้องกับแนวโน้มดังกล่าว ล่าสุด บิตไมน์ อิเมอร์ชัน เทคโนโลยี(BitMine Immersion Technologies) ได้ประกาศกลยุทธ์ซื้ออีเธอเรียมมูลค่าประมาณ 3,475 พันล้านวอน หรือราว 250 ล้านดอลลาร์ ขณะที่บริษัทชาร์ปลิงค์ เกมมิ่ง(SharpLink Gaming) ซึ่งดีตันกล่าวถึง เป็นหนึ่งในบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ ที่ถือครอง ETH มากที่สุดในขณะนี้ พร้อมทั้งสามารถระดมทุนภาคเอกชนได้ถึง 5,908 พันล้านวอน หรือกว่า 425 ล้านดอลลาร์

ริปเปิลเองก็เริ่มได้รับความสนใจจากวอลล์สตรีตเช่นกัน โดยดีตันเผยว่า มีอย่างน้อย 5 บริษัทที่ได้นำ XRP มาเป็นสินทรัพย์บัญชี หรืออยู่ระหว่างการพิจารณา ในขณะที่โซลานา ก็เริ่มถูกรวมในพอร์ตของบริษัทต่าง ๆ เช่น ยูเพกซี(Upexi), ดีไฟน์ดีเวลลอปเมนต์ และโซล สแตรทีจี ซึ่งมีการลงทุนในระดับหลายหมื่นล้านวอน

ดีตันให้ความเห็นว่า กระแสนี้ไม่ได้ขับเคลื่อนโดยนวัตกรรมของเทคโนโลยีบล็อกเชนเท่านั้น แต่สิ่งที่นำพาคือ ‘จิตวิทยาของวอลล์สตรีต’ โดยเฉพาะความโลภและความกลัวที่จะพลาดโอกาส หรือ FOMO (Fear Of Missing Out)

หากแนวโน้มนี้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและมูลค่าหุ้นของบริษัทที่ถือครองคริปโตแสดงผลเชิงบวก ก็มีแนวโน้มว่า ‘ความต้องการเชิงตัวเลข’ ทั้งจากนักลงทุนสถาบันและผู้บริโภคทั่วไปจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย *ความคิดเห็น* สิ่งนี้อาจนำไปสู่การยอมรับอย่างต่อเนื่องของสกุลเงินดิจิทัลในวงกว้าง และปูทางให้วอลล์สตรีตกลายเป็นเชื้อเพลิงหลักในการเติบโตของตลาดคริปโตในอนาคต