ทางการสหรัฐฯ ดำเนินคดีพลเมืองเกาหลีเหนือ 4 คน ฐานปลอมตัวเป็นนักพัฒนา IT ระยะไกล เพื่อแทรกซึมบริษัทบล็อกเชนในสหรัฐฯ และเซอร์เบีย และขโมย *คริปโตเคอร์เรนซี* คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 915,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 12.7 ล้านบาท ตามรายงานของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น)
บุคคลทั้ง 4 ได้แก่ คิม กวังจิน, คัง แทบก, จอง บงจู และจาง นัมอิล ถูกตั้งข้อหา *ฉ้อโกงทางไซเบอร์* และ *ฟอกเงิน* หลังพบว่าใช้เอกสารปลอมและข้อมูลเท็จเพื่อปกปิดสัญชาติจริงและเข้าทำงานในบริษัทด้าน *เทคโนโลยีบล็อกเชน* โดยอ้างว่าเป็นนักพัฒนาอิสระจากต่างประเทศที่ทำงานระยะไกล
กลุ่มแฮกเกอร์นี้สังกัดหน่วยงานลับของเกาหลีเหนือ เริ่มปฏิบัติการตั้งแต่ปี 2019 ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ก่อนจะขยายเป้าหมายมายังบริษัทในแอตแลนตาและเซอร์เบียในช่วงปลายปี 2020 ถึงกลางปี 2021 พวกเขาได้สิทธิ์เข้าถึงระบบภายในของบริษัท และเริ่มกระบวนการโจรกรรมอย่างเป็นระบบ
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 จอง บงจูถอน *คริปโตเคอร์เรนซี* อย่างผิดกฎหมาย มูลค่ากว่า 175,000 ดอลลาร์สหรัฐ ตามมาด้วยในเดือนมีนาคม คิม กวังจินใช้โค้ดของสมาร์ตคอนแทรกต์เจาะระบบและขโมยเพิ่มอีก 740,000 ดอลลาร์ ซึ่งเงินเหล่านี้ถูกโอนเข้าสู่ *กระเป๋าสินทรัพย์ดิจิทัล* ที่ควบคุมโดย คัง แทบกและจาง นัมอิล ภายใต้ชื่อปลอมจากเอกสารระบุตัวตนของมาเลเซีย
*ความคิดเห็น*: จอห์น ไอเซนเบิร์ก เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ ระบุว่าเหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องของเกาหลีเหนือในการเจาะระบบบริษัทในสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรและเป็นแหล่งเงินทุนให้กับโครงการพัฒนาอาวุธอย่างผิดกฎหมายของรัฐบาลเปียงยาง
คดีนี้อยู่ภายใต้โครงการ ‘DPRK RevGen’ ซึ่งเริ่มดำเนินการเต็มรูปแบบในปี 2024 มุ่งเป้าขัดขวางกระบวนการหารายได้ผิดกฎหมายของเกาหลีเหนือ พร้อมทลายเครือข่ายสนับสนุนภายในสหรัฐฯ ล่าสุด ทางการได้ดำเนินการบุกค้นใน 16 รัฐทั่วประเทศ ยึด *บัญชีการเงิน* กว่า 30 บัญชี, เว็บไซต์ปลอมกว่า 20 แห่ง และแล็ปท็อปกว่า 200 เครื่อง ซึ่งถูกใช้ในการแฝงตัวทำงานจากระยะไกลให้ดูเหมือนว่าทำงานในอเมริกา
คดีนี้ถือเป็นการเตือนอีกครั้งถึงภัยคุกคามที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นของกลุ่มแฮกเกอร์รัฐชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวงการ *คริปโตเคอร์เรนซี* ที่ถูกใช้เป็นช่องทางใหม่สำหรับการฟอกเงินและแสวงหารายได้จากเทคโนโลยีทางการเงินรูปแบบใหม่ โดยอาศัยช่องโหว่ในระบบความปลอดภัยระหว่างประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ
ความคิดเห็น 0