หุ้นเทสลา(TSLA) ร่วง 5% จากศึกเดือด มัสก์ปะทะทรัมป์ ปมตั้งพรรคการเมืองใหม่

ราคาหุ้นเทสลา(TSLA) ร่วงลงประมาณ 5% ก่อนเปิดตลาดในวันนี้ ท่ามกลางความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างอีลอน มัสก์กับประธานาธิบดีทรัมป์ ความขัดแย้งทางการเมืองครั้งนี้สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเฉพาะเมื่อข่าวลือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่มัสก์อาจตั้งพรรคการเมืองใหม่เริ่มได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น

เหตุการณ์เริ่มต้นหลังจากที่มัสก์ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ร่างกฎหมาย ‘บิ๊วบิวตี้ฟูล’ ที่กำลังผลักดันโดยทรัมป์ เขากล่าวว่าหากกฎหมายดังกล่าวผ่านการอนุมัติ เขาพร้อมที่จะ ‘ตั้งพรรคการเมืองใหม่’ เพื่อต่อต้านกลุ่มที่สนับสนุนมาตรการนี้ การตอบโต้ของทรัมป์ก็ตามมาติดๆ โดยใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ‘ทรูธโซเชียล’ โจมตีนโยบายสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาล และระบุว่า “อีลอนคือบุคคลที่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลมากที่สุดในประวัติศาสตร์” พร้อมทั้งกล่าวประชดว่า “ถ้าไม่มีเงินอุดหนุน เทสลาคงปิดตัวไปแล้ว และมัสก์ก็ควรกลับไปแอฟริกาใต้”

คำกล่าวของทรัมป์ไม่ได้เป็นแค่เสียดสี แต่ยังจุดกระแสวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มการยกเลิกเงินสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ มัสก์ไม่ยอมถอย โดยออกมาสวนกลับทันควันว่า “ยินดีให้ยกเลิกเงินสนับสนุนทันที” แต่ความตึงเครียดยังคงพุ่งสูงขึ้น เมื่อกลุ่มผู้สนับสนุนของทรัมป์บางส่วนถึงกับออกมาเสนอแนวคิดเรื่อง ‘การขับไล่’ มัสก์จากประเทศ

ในอีกด้านหนึ่ง ตลาดเดิมพันทางการเมือง ‘คาลชิ(Kalshi)’ แสดงให้เห็นว่าความเป็นไปได้ที่อีลอน มัสก์จะก่อตั้ง ‘พรรคอเมริกา(America’s Party)’ พุ่งขึ้นแตะ 40% ทำให้กระแสเกี่ยวกับความทะเยอทะยานทางการเมืองของเขาเริ่มมีน้ำหนัก นักวิเคราะห์มองว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่ความขัดแย้งทางการเมืองธรรมดา แต่เป็น ‘ความเสี่ยงระดับเศรษฐกิจ-การเมือง’ ที่รวมเอาประเด็นคลัง การเมือง และเทคโนโลยีเข้าไว้ด้วยกัน

เหตุการณ์นี้ไม่ได้กระทบแค่เทสลา แต่ยังส่งผลต่อทั้งวงการรถยนต์ไฟฟ้า และอาจลามถึงอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซีอีกด้วย โดยเฉพาะเมื่อทรัมป์กล่าวเย้าในตอนหนึ่งว่า “บางทีเราควรพิจารณา DOGE สักหน่อยดีไหม?” ซึ่งกระตุ้นกระแสในตลาดคริปโตอย่างทันที ด้านดิจิทัลมิ้นท์อย่างโดจคอยน์(DOGE) ซึ่งเป็น ‘มีมคอยน์’ ตัวดังที่มัสก์เคยพูดถึงหลายครั้ง ก็กลับมาเป็นจุดสนใจอีกครั้ง

*ความคิดเห็น*: คำว่า ‘การเมืองไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจ’ ดูจะใช้ไม่ได้กับกรณีนี้ เพราะนี่คือเกมที่เดิมพันด้วยผลประโยชน์ระดับชาติ ทั้งในมิติเทคโนโลยี เศรษฐกิจ และการเมือง สถานการณ์นี้อาจกำลังเขียนบทใหม่ให้กับความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับเทคโนโลยี และสะท้อนอิทธิพลของบุคคลในโลกการเงินที่เริ่มเข้าใกล้อำนาจทางการเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ