ยักษ์ใหญ่คริปโตแห่บุกยุโรป หลัง MiCA มีผลบังคับใช้ ดันอียูขึ้นแท่นผู้นำกฎระเบียบระดับโลก

บรรดาแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีระดับโลกต่างเร่งขยับตัวเจาะตลาดยุโรปอย่างจริงจัง หลังจากที่ยุโรปออกกฎหมาย ‘MiCA’ หรือ กฎระเบียบว่าด้วยตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้ในปีนี้ โดย OKX, คอยน์เบส(COIN), บายบิต และคริปโตดอทคอม ต่างทยอยได้รับ ‘ใบอนุญาตประกอบกิจการ’ ในเขตเศรษฐกิจยุโรป(EEA) เพื่อเริ่มให้บริการอย่างเป็นทางการ

ระบบกฎระเบียบใหม่นี้ แม้จะกำหนดมาตรฐานที่สูงและเข้มงวดต่ออุตสาหกรรมคริปโตในภาพรวม แต่ก็ช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สามารถดำเนินธุรกิจภายใต้ ‘กฎเกณฑ์เดียวกัน’ ทั่วทั้งสหภาพยุโรป เสริมความมั่นใจแก่ผู้ลงทุน พร้อมส่งเสริมการแข่งขันภายใต้กรอบที่ ‘มีระเบียบมากยิ่งขึ้น’

ผู้เชี่ยวชาญในแวดวงมองว่า การเคลื่อนไหวของสหภาพยุโรปกำลังทำให้ภูมิภาคนี้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านกฎระเบียบของตลาดคริปโต เหนือกว่าสหรัฐฯ ที่ยังไม่สามารถจัดทำกรอบกฎหมายสำหรับสเตเบิลคอยน์ได้อย่างสมบูรณ์ ขณะที่ยุโรปเดินหน้า ‘MiCA แพ็กเกจแรก’ ไปแล้ว และยังมีการถกเถียงแผน ‘MiCA 2.0’ อย่างจริงจัง ซึ่งสะท้อนทั้ง ‘ความลึก’ และ ‘ความเร็ว’ ของการพัฒนากฎระเบียบ

อย่างไรก็ตาม กฎหมาย MiCA ยังไม่อาจแก้ทุกปัญหาได้ เพราะเมื่อเปิดพื้นที่ให้ผู้เล่นรายใหม่แห่เข้าสู่ตลาด ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดการแข่งขันอันดุเดือดเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาด นอกจากนี้ การแปลความคำสั่งจากระดับสหภาพไปยังกลไกการอนุญาตของแต่ละประเทศก็ยังเป็น ‘ตัวแปรสำคัญ’ ที่อาจมีผลโดยตรงต่อ ‘ความมั่นคงของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ’

ขณะที่ยุโรปเดินหน้าเป็นผู้นำด้านกฎระเบียบในตลาดคริปโต เสียงวิเคราะห์บางส่วนเริ่มเตือนว่าหากประธานาธิบดีทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง อาจส่งผลต่อทิศทางนโยบายควบคุมคริปโตในสหรัฐฯ โดยผู้เชี่ยวชาญระบุว่า “เมื่อยุโรปกำหนดกรอบกฎหมายชัดเจนมากขึ้น ความแตกต่างกับฝั่งสหรัฐฯ จะยิ่งชัดเจน ส่งผลต่อกลยุทธ์การตั้งสำนักงานใหญ่หรือศูนย์ดำเนินงานของบริษัทคริปโตระดับโลกในระยะยาว”