สเตลลาร์(XLM) ยังติด 'เดดครอส' แม้ราคาฟื้น 6.29% จับตาความร่วมมือกับเพย์พาลหนุนแนวโน้มขาขึ้น

สเตลลาร์(XLM) ยังคงอยู่ในสภาวะ ‘เดดครอส’ แม้ตลาดคริปโตจะฟื้นตัว โดยการปรับตัวขึ้นในระยะสั้นอาจเป็นผลจากแรงซื้อชั่วคราว อย่างไรก็ตาม ความหวังต่อการเกิด ‘โกลเดนครอส’ ยังคงอยู่หากแนวโน้มขาขึ้นสามารถรักษาโมเมนตัมเอาไว้ได้

อ้างอิงจากเว็บไซต์ TradingView เมื่อวันที่ 24 ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 9 วันของสเตลลาร์ยังไม่สามารถทะลุค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 21 วันได้ ซึ่งหมายความว่าสัญญาณบวกอย่าง ‘โกลเดนครอส’ ยังไม่เกิดขึ้นจริงในเชิงเทคนิค แต่หากราคายังคงปรับขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โอกาสในการกลับทิศของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ก็อาจกลายเป็นจริงได้

หนึ่งในปัจจัยที่ต้องจับตาคือ ‘ปริมาณการซื้อขาย’ โดย ณ เวลานี้ ปริมาณการซื้อขายของ XLM ลดลง 20.88% จากวันก่อนหน้า อยู่ที่ประมาณ 160.61 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,233 พันล้านวอน) ซึ่งยังอยู่ในโซน ‘เรดโซน’ หรือระดับที่ถือว่ายังไม่แข็งแรงพอ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางรายมองว่าหากนักลงทุนเริ่มกลับเข้าสู่ตลาด การกลับตัวเชิงบวกก็อาจตามมา

ในด้านราคานั้น สเตลลาร์ปรับขึ้น 6.29% ภายใน 24 ชั่วโมงล่าสุด มาอยู่ที่ 0.2446 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 340 วอน) โดยมีระดับต่ำสุดที่ 0.2301 ดอลลาร์ และสูงสุดที่ 0.2477 ดอลลาร์ ก่อนจะเข้าสู่ภาวะนิ่งในช่วงปลายวัน คาดว่ามาจากแรงขายทำกำไรหลังราคาขึ้นแรง

ในแง่ของการเติบโตระยะยาว ความร่วมมือกับ ‘องค์กรขนาดใหญ่’ ถูกมองว่าเป็นตัวแปรสำคัญ โดยเฉพาะในกรณีของ เพย์พาล หากมีการเปิดใช้งานระบบการชำระเงินผ่านเครือข่ายของสเตลลาร์ ความต้องการใช้งานสเตลลาร์จริง ก็อาจขยายตัวขึ้นแบบก้าวกระโดด อเล็กซ์ คริส(Alex Chriss) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเพย์พาล เคยกล่าวว่าสเตลลาร์มีศักยภาพในการสร้างระบบนิเวศที่เป็นมิตรกับนักพัฒนา และอาจกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านการเงินยุคใหม่

ปัจจุบัน สเตลลาร์อยู่ในอันดับที่ 17 จากการจัดอันดับมูลค่าตลาดคริปโตทั้งหมด โดยมีมูลค่าห่างจากอันดับ 16 อย่างอาวาแลนเช (AVAX) อยู่ประมาณ 310 ล้านดอลลาร์ (ราว 4,309 พันล้านวอน) หากมีการประกาศพันธมิตรใหม่หรือเกิดการทะลุแนวต้านทางเทคนิค ก็มีแนวโน้มที่ XLM จะไต่อันดับขึ้นได้อีกเช่นกัน

โดยรวมแล้ว สเตลลาร์อาจยังไม่สามารถเข้าสู่ช่วง ‘โกลเดนครอส’ อย่างสมบูรณ์ แต่ก็กำลังยืนอยู่ตรงจุดที่อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงบวก โดยมี ‘ปริมาณการซื้อขาย’ และ ‘การยอมรับจากองค์กร’ เป็นสองเงื่อนไขหลักที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด