ตลาดระทึก! กระเป๋าบิตคอยน์(BTC)ยุคซาโตชิขยับพร้อมกัน 60,000 BTC มูลค่าเฉียด 8,340 ล้านบาท

ตลาดบิตคอยน์(BTC) ต้องสะเทือนอีกครั้งหลังพบความเคลื่อนไหวที่น่าขนลุก เมื่อกระเป๋าเงินที่ไม่ได้ใช้งานมาตั้งแต่ยุค ‘ซาโตชิ’ จำนวน 6 รายการกลับมามีความเคลื่อนไหวภายในเวลาเพียงวันเดียว โดยมียอดรวมถึงประมาณ 1,000 ล้านบาท สถานการณ์นี้ทำให้เกิดกระแสคาดเดาอย่างหลากหลายในวงการ ไม่ว่าจะเป็นการแฮ็ก การเคลียร์พอร์ตของนักลงทุนรายใหญ่ หรืออาจเป็นความเคลื่อนไหวจากวงใน

แพลตฟอร์มติดตามธุรกรรมบล็อกเชนอย่าง *Whale Alert* ได้รายงานว่าภายในช่วงเวลา 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีการเคลื่อนไหวพร้อมกันของกระเป๋าเงินทั้ง 6 รายการที่แต่ละรายการถือครองอยู่ที่ 10,000 BTC โดยกระเป๋าเหล่านี้เคยอยู่ในสถานะนิ่งเฉยมาแล้วกว่า 14.2 ถึง 14.3 ปี คิดเป็นบิตคอยน์รวม 60,000 BTC หรือมูลค่าประมาณ 8,340 ล้านบาทตามราคาปัจจุบัน

คอนเนอร์ แกรแกน(Conor Grogan) ผู้อำนวยการจาก *Coinbase* แสดงความคิดเห็นว่า “การเคลื่อนไหวครั้งนี้ค่อนข้างแปลกประหลาด” พร้อมเสนอว่าบิตคอยน์ชุดดังกล่าวอาจถูกขุดโดยนักขุดรายเดียวในช่วงปี 2011 โดยหนึ่งในกระเป๋าเหล่านี้เคยถือครองสูงสุดถึง 200,000 BTC ซึ่งถึงขั้นติดอันดับห้ากระเป๋าที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเครือข่ายบิตคอยน์

แกรแกนโพสต์ผ่านทวิตเตอร์ว่า เขาพบลักษณะของการรวมรางวัล 180 ชุดจากปี 2011 และมีบางที่อยู่เคยถูกจับตาเป็นที่อยู่สำคัญในวงการ อีกทั้งยังระบุว่า ‘มีความเป็นไปได้’ ว่าเหรียญบางส่วนถูกย้ายไปยังวอลเล็ตของแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล และครึ่งหนึ่งของธุรกรรมอาจเกี่ยวข้องกับที่อยู่วอลเล็ตที่ไม่ถูกระบุว่าใช้โดยแพลตฟอร์มหรือบุคคลใด

ในขณะเดียวกัน Lookonchain บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลออนเชน เผยว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้อาจมาจาก ‘OG แห่งบิตคอยน์’ หรือผู้ถือครองที่ได้เหรียญมาตั้งแต่ยุคต้น โดยบุคคลดังกล่าวเคยถือครอง 80,009 BTC หรือราว 11,120 ล้านบาท ซึ่งมีการกระจายเหรียญไปยัง 8 กระเป๋าในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ปี 2011 และในจำนวนนี้ 6 กระเป๋าเพิ่งถูกเปิดใช้งานเพื่อย้าย 60,000 BTC ส่วนอีก 2 กระเป๋ายังคงไม่มีความเคลื่อนไหว

ท่ามกลางความเคลื่อนไหวดังกล่าว นักลงทุนยังแบ่งเป็นสองเสียง บ้างมองว่านี่เป็นสัญญาณการเทขายที่อาจกดดันราคา ในขณะที่บางรายมองว่าเป็นเพียงการปรับโครงสร้างสินทรัพย์และเพิ่มการรักษาความปลอดภัย แม้ยังไม่เห็นผลกระทบชัดเจนต่อราคาบิตคอยน์ แต่ความเคลื่อนไหวของผู้ถือครองในระยะยาวครั้งนี้ก็สร้างแรงสั่นสะเทือนอย่างเห็นได้ชัดต่อความเชื่อมั่นและสภาพคล่องของตลาด

ปรากฏการณ์การเคลื่อนไหวของกระเป๋าในยุคซาโตชิครั้งนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึง ‘สองด้าน’ ของบล็อกเชน ทั้งความเป็นนิรนามและความสามารถในการติดตามพฤติกรรม ความเคลื่อนไหวใดๆ จากกลุ่มผู้ถือครองรายใหญ่อาจส่งผลต่อความผันผวนของตลาดในระยะสั้นอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้นักลงทุนควรระมัดระวังเป็นพิเศษในช่วงนี้