ราคาบิตคอยน์(BTC) กำลังเผชิญกับแรงกดดันในระยะสั้น ส่งผลให้เกิดความระมัดระวังมากขึ้นในหมู่นักลงทุน โดยเมื่อวันที่ 4 (เวลาท้องถิ่น) บิตคอยน์ปรับตัวลดลงประมาณ 1.32% ตรงบริเวณ 108,088 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.5 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ความผันผวนและปริมาณการซื้อขายก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงแรงขับเคลื่อนในตลาดที่เริ่มอ่อนแรง
การวิเคราะห์ทางเทคนิคในช่วงสั้นชี้ว่า บิตคอยน์ได้หลุดแนวรับที่ระดับ 108,585 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.5 ล้านบาท) ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณลบ โดยเฉพาะในกราฟรายชั่วโมงล่าสุดที่แสดงให้เห็นว่าแนวรับดังกล่าวถูกเจาะทะลุ หากราคายังปิดรายวันต่ำกว่าระดับนี้ต่อไป มีแนวโน้มที่ราคาจะย่อลงไปสู่เป้าหมายถัดไปที่บริเวณ 107,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.48 ล้านบาท
มองจากภาพรวมในกรอบเวลาที่ยาวขึ้น จะเห็นได้ชัดว่าแรงซื้อซึ่งเคยหนุนราคาขึ้นเมื่อวันก่อนเริ่มอ่อนตัวลง ความลังเลของผู้ซื้อกำลังกัดกร่อนเสถียรภาพของแนวโน้มขาขึ้นในระยะกลางและระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปริมาณการซื้อขายที่เบาบางลงอย่างต่อเนื่องบ่งชี้ว่าโอกาสในการเกิดการทะลุราคาหรือแรงกระชากในทิศทางขาขึ้นมีอยู่ไม่มากในช่วงนี้
เมื่อพิจารณาทิศทางราคาที่ผ่านมา นักลงทุนจำนวนมากจับตาช่วงแนวรับสำคัญระหว่าง 106,000 ถึง 107,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.47–1.48 ล้านบาท) ว่าเป็นจุดชี้ขาด หากแนวรับนี้ไม่สามารถยืนได้ ก็มีโอกาสสูงที่จะเข้าสู่แนวโน้มขาลงที่รุนแรงมากขึ้น
บิตคอยน์ยังคงมีสถานะเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำที่เชื่อมโยงกับตลาดการเงินโลกอย่างใกล้ชิด ปัจจัยมหภาคหลายด้านอย่าง ‘อัตราดอกเบี้ย’, ‘ประเด็นด้านกฎระเบียบ’, และ ‘ความไม่แน่นอนทางการเมือง’ ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความผันผวนของราคา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เส้นทางการหาเสียงของ *ทรัมป์* และท่าทีของเขาต่อคริปโตเคอร์เรนซีอาจกลายเป็นตัวแปรสำคัญที่กำหนดอารมณ์ของตลาดในระยะถัดไป *ความคิดเห็น*: หากทรัมป์แสดงจุดยืนสนับสนุนคริปโต อาจเป็นแรงหนุนใหม่ในระยะยาว
โดยสรุปแล้ว ขณะนี้ *บิตคอยน์กำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนผ่าน* หากไม่มีการฟื้นตัวจากระดับปัจจุบัน ก็เป็นไปได้ที่จะเผชิญแรงขายต่อเนื่องจนกระทั่งทรุดตัวลงไปยังระดับแนวรับถัดไป นักลงทุนควรพิจารณาทั้งการวิเคราะห์เชิงเทคนิคควบคู่ไปกับบริบททางเศรษฐกิจและแนวโน้มสภาพคล่องของตลาดเพื่อวางกลยุทธ์ในการลงทุนอย่างรอบคอบ
ความคิดเห็น 0