ถกเถียงเดือด! ตลาดมีมคอยน์เผชิญปัญหาข้อมูลวงใน ผู้เชี่ยวชาญเสนอมาตรการลงโทษทางสังคม

ตลาดมีมคอยน์(Meme Coin) ยังคงเผชิญข้อถกเถียงเกี่ยวกับ ‘การซื้อขายโดยใช้ข้อมูลภายใน’ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านคริปโตบางรายเสนอมาตรการควบคุมผ่าน ‘กลไกทางสังคม’ อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของแนวทางดังกล่าวยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่

เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ นักวิจัยจากแพราไดม์(Paradigm) แซมซัน(Samczsun) ได้นำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาการฉ้อโกงในตลาดมีมคอยน์โดยอาศัยกลไกของชุมชน เขากล่าวว่า "หากยอมรับว่ามีมคอยน์ที่ได้รับอิทธิพลจากคนวงในส่งผลกระทบในทางลบต่อ ตลาด การกีดกันบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงออกจากชุมชนอาจเป็นวิธีป้องกันได้" โดยแนวทางนี้อาจทำให้ผลประโยชน์ระยะสั้นของผู้กระทำผิดลดลงเมื่อเทียบกับผลกระทบด้านลบทางสังคม

ข้อเสนอดังกล่าวได้รับการตอบรับในแง่ดีจากสมาชิกบางส่วนในชุมชนคริปโต หนึ่งในผู้ใช้รายหนึ่งกล่าวว่า "หากอุตสาหกรรมคริปโตต้องการความยั่งยืน เราจำเป็นต้องถือผู้กระทำผิดว่าต้องรับผิดชอบต่อพฤติกรรมของพวกเขา" นอกจากนี้ ยังมีการยกตัวอย่างกรณีของ ‘แมงโก้มาร์เก็ต(Mango Markets)’ ซึ่งอับราฮัม ‘อาวี’ ไอเซนเบิร์ก(Avraham ‘Avi’ Eisenberg) ถูกประณามจากชุมชนคริปโตอย่างหนักก่อนจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม อนาโตลี ยาโคเวนโก(Anatoly Yakovenko) ผู้ร่วมก่อตั้งโซลานา(SOL) ได้ตั้งข้อสังเกตว่ามาตรการลงโทษทางสังคมอาจไม่ได้ยุติธรรมเสมอไป เนื่องจากอาจขึ้นอยู่กับอารมณ์ของฝูงชนมากกว่ากฎเกณฑ์ที่ชัดเจน เขากล่าวว่า "หากต้องการให้การกีดกันทางสังคมมีประสิทธิภาพ เราจำเป็นต้องกำหนดมาตรฐานที่ชัดเจน มิฉะนั้น อาจกลายเป็นเพียงแค่กระแสโจมตีทางออนไลน์ที่ไม่มีความยุติธรรม"

นักเทรดคริปโตชื่อดัง จอร์แดน ฟิช(Jordan Fish) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘โคบี้(Cobie)’ แสดงความเห็นว่า การลงโทษทางสังคมไม่น่าจะได้ผลในทางปฏิบัติ เขากล่าวว่า "มีความพยายามในลักษณะนี้มาตลอดหลายปี แต่สุดท้ายผู้ที่ถูกโจมตีกลับหาวิธีใช้กระแสความสนใจให้เป็นประโยชน์ หรือโยนความผิดให้ผู้อื่นแทน"

ท่ามกลางกระแสถกเถียงเรื่องมาตรการควบคุม ภายในตลาดมีมคอยน์ก็เกิดกรณีที่สร้างความเสียหายอย่างมากขึ้น เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ข้อมูลจากเชนอะนาลิซิส(Chainalysis) ระบุว่า นักลงทุนที่ถือครองมีมคอยน์ที่เกี่ยวข้องกับโดนัลด์ ทรัมป์(TRUMP) จำนวน 800,000 ราย ประสบภาวะขาดทุนรวมกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ หลังจากราคาของโทเคนลดลงมากกว่า 80% จากจุดสูงสุดที่ 72.60 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 19 มกราคม

โทเคนลิบรา(LIBRA) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากฮาเบียร์ มิเลย์(Javier Milei) ประธานาธิบดีอาร์เจนตินา ก็เผชิญสถานการณ์ที่คล้ายกัน หลังจากที่มิเลย์ให้การสนับสนุนโทเคนดังกล่าว มูลค่าตลาดของโทเคนพุ่งขึ้นถึง 4.5 พันล้านดอลลาร์ ก่อนที่กลุ่มคนวงในจะทำการขายโทเคนเป็นเงินสดได้กว่า 100 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ราคาดิ่งลงอย่างรวดเร็ว

ในขณะที่บางฝ่ายเชื่อว่าการลงโทษทางสังคมอาจช่วยเสริมสร้างกลไกตรวจสอบภายในตลาด อีกฝ่ายหนึ่งกลับเห็นว่าตลาดคริปโตอาจต้องการแนวทางการกำกับดูแลที่เข้มงวดขึ้นเพื่อป้องกันการฉ้อโกงโดยสมบูรณ์