การอนุมัติให้ *สินทรัพย์ดิจิทัล* อย่างบิตคอยน์(BTC) สามารถใช้เป็น ‘ทรัพย์สินค้ำประกัน’ ในการพิจารณาสินเชื่อที่อยู่อาศัยของหน่วยงานสินเชื่อบ้านแห่งสหรัฐอเมริกา (FHFA) ได้ จุดประกายความขัดแย้งในสภาคองเกรส โดยเมื่อสมาชิกวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกัน ซินเทีย ลูมิส เสนอร่างกฎหมายเพื่อออกกฎหมายรองรับ เรื่องนี้ก็ถูกตอบโต้ทันทีจากฝั่งเดโมแครตที่กังวลต่อความเสี่ยงของตลาดและผลประโยชน์ทับซ้อน
ชนวนปัญหาเริ่มต้นจากคำสั่งของผู้อำนวยการ FHFA วิลเลียม เจ. เฟิร์ลท์ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยให้แฟนนีเม(Fannie Mae) และเฟรดดีแมค(Freddie Mac) นำ *คริปโตเคอร์เรนซี* มาพิจารณาเป็นทรัพย์ค้ำประกันสำหรับสินเชื่อบ้านเดี่ยว ซึ่งทำให้ลูมิสเสนอ “ร่างกฎหมายสินเชื่อที่อยู่อาศัยศตวรรษที่ 21 ประจำปี 2025” ซึ่งกำหนดให้ *สินทรัพย์ดิจิทัลที่ฝากไว้กับผู้รับฝากที่ได้รับอนุญาตและมีการพิสูจน์ทางกฎหมายแล้ว* สามารถนับเป็นทรัพย์สินค้ำประกันได้ *โดยไม่ต้องแลกเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ* ทั้งนี้ ร่างกฎหมายยังระบุว่าอาจมีการลดมูลค่า (เฮร์คัต) ของคริปโตเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวน
ลูมิสให้ความเห็นว่า “คนรุ่นใหม่ที่ใฝ่ฝันจะเป็นเจ้าของบ้านในวันนี้ต่างถือสินทรัพย์ดิจิทัลมากกว่าสินทรัพย์การเงินแบบดั้งเดิม” และชี้ว่า “ร่างกฎหมายนี้อาจเป็นการเปิดทางใหม่สำหรับสร้าง *ความมั่งคั่งของชาวอเมริกัน*”
อย่างไรก็ดี ส.ว.เดโมแครต โดยเฉพาะเบน ฮอลแลนด์, เอลิซาเบธ วอร์เรน และเจฟฟ์ เมอร์คลีย์ ต่างไม่เห็นด้วย โดยส่งหนังสือถึงเฟิร์ลท์เพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว พร้อมเตือนว่าสินทรัพย์ดิจิทัลที่ยังไม่แปลงเป็นเงินสด ไม่ควรถูกนับรวมในการพิจารณาสินเชื่อ เนื่องจากอาจเป็น *ภัยคุกคามต่อเสถียรภาพทางการเงิน*
พวกเขาอ้างว่า “คริปโตเคอร์เรนซียังมีความผันผวนสูงและขาดสภาพคล่อง” และย้ำว่า “แม้ตลาดจะพัฒนาไปมาก แต่เมื่อราคาดิ่งลง อาจเกิดสถานการณ์ที่ไม่สามารถขายสินทรัพย์และแปลงเป็นเงินสดได้ทัน” พร้อมระบุว่า “กฎหมายคุ้มครองสินทรัพย์ดิจิทัลจากการถูกแฮกหรือขโมยยังอ่อนแอ”
ตามสถิติ บิตคอยน์(BTC) มักร่วงลงจากจุดสูงสุดถึง *75–80%* และอัลท์คอยน์ต่างๆ ยิ่งร่วงแรงกว่า ประเด็นที่ *ยังไม่มีแนวทางชัดเจน* ว่าจะลดมูลค่าค้ำประกันลงมากน้อยแค่ไหน ทำให้เกิดข้อถกเถียงอย่างกว้างขวาง
แม้ว่าร่างกฎหมายของลูมิสจะเปิดให้สามารถปรับลดมูลค่าได้ แต่ก็ไม่ได้ระบุ *ตัวเลขที่ชัดเจน* ทำให้มีคำเตือนจากนักวิเคราะห์บางรายว่า หากรัฐบาลใหม่มีแนวทางทางการเมืองต่างกัน จะส่งผลต่อมาตรฐานการประเมินทรัพย์สิน เช่น ฝ่ายเดโมแครตอาจลดมูลค่าสูงถึง 95% ขณะที่รีพับลิกันอาจลดเพียง 30% ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ *การประเมินสินทรัพย์จะขึ้นอยู่กับการเมือง* ซึ่งอาจทำลายความน่าเชื่อถือของตลาด
ผู้เชี่ยวชาญเห็นว่า หากจะใช้ *สินทรัพย์ดิจิทัล* เป็นองค์ประกอบในสินเชื่อบ้าน จำเป็นต้องกำหนดหลักเกณฑ์การคิด *เฮร์คัต* ที่มีหลักวิทยาศาสตร์ และมีระบบที่พิจารณาถึง *ความผันผวนในอดีต และวงจรของสินทรัพย์ดังกล่าว* อย่างเป็นรูปธรรม
ท่ามกลางกระแสที่ *คริปโตเคอร์เรนซีกำลังแทรกซึมสู่นโยบายสินเชื่อที่อยู่อาศัย* บทสนทนาเรื่องมาตรฐานจะยังคงเป็นที่ถกเถียงต่อไป
ความคิดเห็น 0