บิตคอยน์(BTC) ร่วงลงต่ำกว่าระดับ *115,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 15.9 ล้านบาท)* เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่งสัญญาณเข้าสู่ช่วง ‘ปรับฐาน’ หลังจากไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ *120,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 16.6 ล้านบาท)* ได้ตลอดช่วง 3 สัปดาห์ล่าสุด ทำให้เกิดความกังวลต่อทิศทางการฟื้นตัวในระยะสั้น
นักวิเคราะห์บางรายชี้ว่า บิตคอยน์อาจถอยลงลึกถึง *104,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 14.4 ล้านบาท)* หากไม่สามารถยืนเหนือแนวรับสำคัญได้ โดย *มิเคล ฟาน เดอ ปอปป์(Michaël van de Poppe)* นักวิเคราะห์ด้านคริปโตชื่อดังระบุว่า ราคาปัจจุบันพยายามประคองตัวอยู่บนระดับ *115,000 ดอลลาร์สหรัฐ* และหากระดับนี้พังลง ก็อาจเกิดการขายทำกำไรขนาดใหญ่จากฝั่ง Long Position ซึ่งจะกดให้ราคาร่วงลงต่อไปยังโซน *110,000-112,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 13.8-15.5 ล้านบาท)*
แรงกดดันขาลงยังสะท้อนผ่านสัญญาณทางเทคนิคอย่าง ‘RSI รายสัปดาห์’ ที่แสดงภาวะ *Bearish Divergence* หรือสัญญาณราคาลดลงอย่างต่อเนื่อง แม้แนวโน้มดูแข็งแกร่งก็ตาม นอกจากนี้ ‘ดัชนีกำไร/ขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง (NUPL)’ ก็ชี้ให้เห็นว่า นักลงทุนกำลังทยอยขายทำกำไรเพิ่มขึ้น หนุนสมมติฐานว่า *ระดับ 123,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 17.0 ล้านบาท)* อาจเป็นจุดสูงสุดระยะสั้นไปแล้ว
ในระยะใกล้ ความสามารถในการยืนเหนือระดับ *115,000 ดอลลาร์สหรัฐ* จะเป็นจุดชี้ขาดทิศทางของตลาด นักวิเคราะห์เห็นว่า หากไม่สามารถยืนแนวรับนี้ไว้ได้ จิตวิทยาตลาดอาจได้รับผลกระทบรุนแรง และนำไปสู่ความผันผวนที่เพิ่มขึ้นอีกครั้ง สำหรับบิตคอยน์ที่จะกลับมาเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นได้อีกครั้ง จำเป็นต้องมี *แรงซื้อกลับเข้ามา* ควบคู่กับสัญญาณฟื้นตัวจากเครื่องมือทางเทคนิคอย่างชัดเจน
ความคิดเห็น 0