กรรมการเฟดลาออกท่ามกลางแรงกดดันทางการเมือง ตลาดคริปโตจับตาทิศทางดอกเบี้ย

อาเดรียนา คูเกลอร์(Adriana Kugler) หนึ่งในคณะกรรมการของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ประกาศลาออกจากตำแหน่ง โดยจะสิ้นสุดหน้าที่ในวันที่ 8 สิงหาคม ท่ามกลางช่วงเวลาที่ *ความเป็นอิสระของเฟด* กำลังเผชิญแรงกดดันทางการเมืองอย่างเข้มข้น ทั้งนี้ คูเกลอร์เตรียมกลับไปรับตำแหน่งที่มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ โดยไม่ได้เปิดเผยเหตุผลการลาออกอย่างละเอียด แม้ว่าเดิมทีเธอจะต้องดำรงตำแหน่งจนถึงเดือนมกราคม 2025

คูเกลอร์ออกแถลงการณ์ว่า การได้ทำหน้าที่ในคณะกรรมการเฟดถือเป็น “เกียรติสูงสุดในชีวิต” พร้อมระบุว่าเธอรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ทำงานใน “ช่วงเวลาสำคัญที่เฟดต้องเผชิญภารกิจสองด้านคือการควบคุมเงินเฟ้อและฟื้นฟูการจ้างงาน” คูเกลอร์เป็นหนึ่งในสมาชิกที่มี *สิทธิ์โหวตของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC)* ซึ่งมีบทบาทโดยตรงต่อการตัดสินใจด้านนโยบายการเงินของสหรัฐ

การตัดสินใจลาออกของคูเกลอร์เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ละเอียดอ่อน เนื่องจากเพียงไม่กี่วันก่อนหน้านี้ FOMC เพิ่งมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิมในการประชุมเดือนกรกฎาคม โดยไม่ได้ระบุกรอบเวลาชัดเจนสำหรับการปรับลดดอกเบี้ยในอนาคต ท่ามกลางความไม่แน่นอนนี้ *ประธานาธิบดีทรัมป์* จะได้รับโอกาสในการเสนอชื่อบุคคลเข้ารับตำแหน่งที่ว่าง ซึ่งจะต้องผ่านการรับรองจากวุฒิสภา

ทรัมป์ได้เพิ่มแรงกดดันต่อเฟดอย่างต่อเนื่องตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะการวิพากษ์วิจารณ์ประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ ว่าไม่ลดดอกเบี้ย ทั้งยังกล่าวหาว่าการตัดสินใจของเฟดเป็นสาเหตุที่ทำให้รัฐบาลต้องจ่ายดอกเบี้ยหนี้จำนวนมหาศาล เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทรัมป์ถึงขั้นกล่าวเชิงล้อเลียนว่า “ถ้าเฟดยังไม่ลดดอกเบี้ย งั้นให้ผมไปทำแทนดีไหม” ความเห็นล่าสุดของเขายังคงถูกเผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์ม *ทรูโซเชียล* โดยมีเป้าหมายไปยังพาวเวลล์อย่างต่อเนื่อง

ภายใต้บริบทที่ *ความเป็นอิสระของเฟด* กำลังถูกคุกคาม การลาออกของคูเกลอร์จึงอาจสะท้อนความวิตกในระดับโครงสร้าง ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงบุคลากรเท่านั้น ในระยะสั้น ความต่อเนื่องทางนโยบายดอกเบี้ยและความมั่นใจของตลาดอาจได้รับผลกระทบ การเลือกผู้มาแทนคูเกลอร์ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจสร้างแรงสั่นสะเทือนในตลาด โดยเฉพาะตลาด *คริปโตเคอร์เรนซี* ซึ่งมีแนวโน้มไวต่อทิศทางดอกเบี้ยในอนาคต ราคาของ*บิตคอยน์(BTC)* และคริปโตชั้นนำอื่น ๆ อาจเผชิญความผันผวนมากขึ้น หากเฟดเปลี่ยนจุดยืนนโยบายหลังการแต่งตั้งครั้งใหม่นี้