ตลาด 'สเตเบิลคอยน์' เติบโตสู่ระดับ 2.3 แสนล้านดอลลาร์ โดยมี 'Stripe' และ 'PayPal' เป็นแรงขับเคลื่อนหลัก
ตลาดสเตเบิลคอยน์เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดจนมีมูลค่ารวมกว่า 2.3 แสนล้านดอลลาร์ ท่ามกลางบทบาทที่เพิ่มขึ้นของบริษัทผู้ให้บริการชำระเงินรายใหญ่ เช่น 'Stripe' และ 'PayPal' ที่เป็นแรงผลักดันสำคัญในอุตสาหกรรมนี้
มาร์ก บัวรอน(Marc Boiron) ซีอีโอของโพลิกอน แล็บส์(Polygon Labs) ได้ให้สัมภาษณ์กับ Cointelegraph โดยระบุว่า "บริษัทด้านการชำระเงินอย่าง Stripe และ PayPal ซึ่งได้นำสเตเบิลคอยน์มาใช้ในระบบของพวกเขา เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดนี้เติบโตอย่างต่อเนื่อง"
PayPal ได้เริ่มต้นให้บริการโอนบิตคอยน์(BTC) และอีเธอเรียม(ETH) ตั้งแต่ปี 2022 และในเวลาต่อมาได้ออกสเตเบิลคอยน์เป็นของตัวเองในชื่อ 'PayPal USD(PYUSD)' ซึ่งผูกมูลค่ากับดอลลาร์สหรัฐ แม้ว่าครั้งหนึ่งมูลค่าตลาดของ PYUSD จะพุ่งสูงถึง 1 พันล้านดอลลาร์ แต่ปัจจุบันลดลงเหลือประมาณ 705 ล้านดอลลาร์
ขณะที่ Stripe ก็ได้เดินหน้าผลักดันสเตเบิลคอยน์เช่นกัน โดยรองรับการชำระเงินด้วย USD คอยน์(USDC) ผ่านเครือข่ายของอีเธอเรียม โซลานา(SOL) และโพลิกอน อีกทั้งยังร่วมมือกับแพลตฟอร์ม 'Remote' เพื่อให้บริษัทในสหรัฐสามารถจ่ายเงินเดือนเป็น USDC แก่พนักงานที่อยู่ต่างประเทศได้
บัวรอนยังชี้ให้เห็นว่าภาคการเงินแบบดั้งเดิมก็เริ่มให้ความสนใจในตลาดสเตเบิลคอยน์มากขึ้น โดยกล่าวว่า "ทั้งในยุโรปและสหรัฐ ขณะที่กฎระเบียบเริ่มชัดเจนขึ้น สถาบันการเงินและบริษัทที่ไม่ได้อยู่ในอุตสาหกรรมคริปโตก็เริ่มเห็นศักยภาพในการสร้างรายได้จากสเตเบิลคอยน์"
ปัจจุบัน เทเธอร์(USDT) ครองส่วนแบ่งตลาดสเตเบิลคอยน์สูงสุดถึง 61% โดยในปี 2024 บริษัทสามารถทำกำไรสุทธิได้เกิน 13 พันล้านดอลลาร์ ด้านโพลิกอนเองก็มีปริมาณสเตเบิลคอยน์หมุนเวียนเพิ่มขึ้น 14% ในไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมา โดยแตะระดับ 2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดในบรรดาเชนที่ใช้ 'Ethereum Virtual Machine (EVM)'
อีกหนึ่งกระแสที่ได้รับความสนใจในปัจจุบันคือ "สเตเบิลคอยน์ที่ให้ผลตอบแทน" ล่าสุด คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ(SEC) ได้ให้การรับรอง 'YLDS' ซึ่งเป็นสเตเบิลคอยน์ที่ให้ดอกเบี้ย 3.85% ต่อปี ขณะที่ออนโด ไฟแนนซ์(Ondo Finance) ได้เปิดตัว USDY ที่มอบผลตอบแทนถึง 4.35%
มาร์ก บัวรอน กล่าวเสริมว่า "แนวคิดของสเตเบิลคอยน์ที่รวมเอาความปลอดภัยของสินทรัพย์ค้ำประกันเข้ากับโมเดลการสร้างผลตอบแทนของการเงินแบบกระจายศูนย์(DeFi) อาจเป็นจุดพลิกโฉมครั้งใหญ่ในตลาดคริปโต และจะมีผลต่อภาคการชำระเงินในอนาคตอย่างแน่นอน"
ความคิดเห็น 0