รายได้จากค่าธรรมเนียมของเครือข่ายอีเธอเรียม(ETH) ลดลงอย่างมากในเดือนสิงหาคม แม้ว่าราคาของอีเธอเรียมจะทำ ‘สถิติสูงสุดตลอดกาล’ แต่มูลค่าทางเศรษฐกิจของเครือข่ายกลับสวนทาง สร้างความสนใจจากตลาดและนักวิเคราะห์คริปโต
ตามรายงานของแพลตฟอร์มวิเคราะห์คริปโต Token Terminal รายได้ของอีเธอเรียมในเดือนสิงหาคมอยู่ที่ประมาณ 14.1 ล้านดอลลาร์ (ราว 196.1 ล้านบาท) ลดลงราว *44%* จากเดือนกรกฎาคมซึ่งมีรายได้อยู่ที่ 25.6 ล้านดอลลาร์ (ราว 355.8 ล้านบาท) รายได้ส่วนนี้หมายถึงส่วนแบ่งจากค่าธรรมเนียมในเครือข่ายที่ถูกเผาทำลาย (burn) ตามกลไกใหม่ ส่งกลับสู่ผู้ถือครองเหรียญ ETH
สาเหตุหลักที่ทำให้รายได้ของเครือข่ายลดลง มาจากการลดลงของปริมาณการซื้อขายและการใช้งานของแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ หรือ dApp ซึ่งสวนทางกับราคาของ ETH ที่นับตั้งแต่เดือนเมษายนปีนี้ เพิ่มขึ้นกว่า *240%* โดยแตะระดับสูงสุดใหม่ที่ 4,957 ดอลลาร์ (ประมาณ 689,000 บาท) เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม
ขนาดค่าธรรมเนียมในเครือข่ายโดยรวมก็ลดลงเช่นกัน จากประมาณ 49.6 ล้านดอลลาร์ในเดือนกรกฎาคม (ราว 689.4 ล้านบาท) เหลือเพียง 39.7 ล้านดอลลาร์ในเดือนสิงหาคม (ราว 551.3 ล้านบาท) หรือลดลงกว่า *20%* สะท้อนถึงความต้องการใช้เครือข่ายและกิจกรรมทางธุรกรรมที่เริ่มอ่อนแรงลง อันเป็นประเด็นที่ทำให้เกิด ‘ความกังวลต่อความยั่งยืน’ ของโมเดลรายได้ของอีเธอเรียมในระยะยาว
อีเธอเรียมเคยได้รับความสนใจมากจากการอัปเกรดเครือข่ายผ่าน *London Hard Fork* ซึ่งรวมถึงการใช้ข้อเสนอการปรับปรุง EIP-1559 ที่จะทำการเผาค่าธรรมเนียมบางส่วน โดยคาดหวังว่าจะช่วยควบคุมปริมาณ ETH ในระบบ และเพิ่มมูลค่าในระยะยาว อย่างไรก็ตาม รายได้ที่ลดลงในช่วงนี้ ทำให้หลายฝ่ายเริ่มตั้งคำถามถึง ‘ประสิทธิภาพและความยั่งยืน’ ของแนวทางดังกล่าว
กรณีล่าสุดของอีเธอเรียม แสดงให้เห็นว่า แม้สินทรัพย์คริปโตจะมีแนวโน้มราคาที่แข็งแกร่ง แต่ ‘ข้อมูลกิจกรรมบนเครือข่าย’ ก็มีบทบาทสำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะเมื่อใช้เป็นตัวชี้วัดความแข็งแกร่งของระบบเศรษฐกิจภายในเครือข่าย ความคิดเห็น นี้จึงตอกย้ำว่า การพิจารณาการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ไม่ควรมองแค่ราคาหรือกราฟแสดงทิศทางเพียงอย่างเดียว
ความคิดเห็น 0