Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

แรงซื้อบิตคอยน์(BTC) พุ่ง! นักลงทุนสถาบันแห่สะสมท่ามกลางแนวโน้มลดดอกเบี้ยสหรัฐ

แรงซื้อบิตคอยน์(BTC) พุ่ง! นักลงทุนสถาบันแห่สะสมท่ามกลางแนวโน้มลดดอกเบี้ยสหรัฐ / Tokenpost

ตลาดคริปโตในสัปดาห์นี้กำลังได้รับแรงสั่นสะเทือนจากนโยบายการเงินของสหรัฐ การเคลื่อนไหวของนักลงทุนสถาบันที่หันมา ‘เข้าซื้อบิตคอยน์(BTC)’ รวมถึงความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะลดดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ โดยบริษัทวิจัยข้อมูลบล็อกเชน แซนติเมนต์(Santiment) ระบุว่า ปัจจัยเหล่านี้กำลังส่งผลอย่างลึกซึ้งต่อราคา ‘บิตคอยน์’, อัลต์คอยน์ และเหรียญมีมโดยรวม

หนึ่งในเหตุการณ์ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือกรณีเหรียญของอินฟลูเอนเซอร์ ‘เกนซี(Gainzy)’ กับโทเคนครีเอเตอร์ **GNZYSTRM** ที่เกิดความผันผวนอย่างรุนแรง เหตุผลมาจากการเทขายจำนวนมากโดยไม่ตั้งใจ จนทำให้ราคาดิ่งลง แต่สถานการณ์กลับกลายเป็นโอกาสให้นักลงทุนระดับวาฬเข้าซื้อที่ราคาต่ำ ส่งผลให้เหรียญดีดตัวกลับอย่างรวดเร็ว ปรากฏการณ์นี้ได้จุดกระแสความสนใจในตลาดโทเคนครีเอเตอร์ให้กลับมาอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน ระบบ NFT บนโซลานา(SOL) ก็กำลังได้รับกระแสนิยมจากการ์ดดิจิทัลที่คล้ายกับโปเกมอน โดยมีการซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างมาก สตาร์ทอัพหลายรายอาศัยแรงหนุนจากนักสะสมและแฟนเกมในการเปิดตลาดใหม่ ซึ่งสิ่งนี้กลายเป็นตัวอย่างชัดเจนของการผสาน ‘ทรัพย์สินทางปัญญา (IP)’ เข้ากับเทคโนโลยีบล็อกเชน

ในกลุ่ม ‘เหรียญมีม’ ก็มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ โดย ‘โทรลล์คอยน์(Trollcoin)’ ได้รับสิทธิ์ใช้อย่างเป็นทางการของภาพมีมชื่อดัง ‘โทรลล์เฟซ’ ส่งผลให้โปรเจกต์มีความน่าเชื่อถือและแตกต่างจากคู่แข่ง ขณะที่ ‘เปเปโนด(Pepenode)’ ซึ่งพัฒนาในระบบ ‘ขุดเพื่อรับรายได้ (Mine-to-Earn)’ ได้สร้างกระแสจากการขายรอบพรีเซลหมดเกลี้ยง เหตุการณ์เหล่านี้สะท้อนว่าโปรเจกต์สายมีมกำลังเพิ่ม ‘การใช้งานที่แท้จริง’ ซึ่งมีผลต่อจิตวิทยาการลงทุนในทางบวก

ด้านการเมือง ‘ประธานาธิบดีทรัมป์’ ได้สร้างความสั่นสะเทือนครั้งใหม่ ด้วยข้อเสนอที่จะยกเลิกภาษีเงินได้ของรัฐบาลกลางพร้อมแทนที่ด้วยการเก็บภาษีนำเข้า เขายังร้องขอให้ศาลฎีกาสหรัฐสนับสนุนนโยบายดังกล่าว ซึ่งกลายเป็นประเด็นถกเถียงอย่างหนักในวงการเศรษฐกิจ นักวิเคราะห์ประเมินว่า คำกล่าวนี้ได้เพิ่ม ‘ความไม่แน่นอนในตลาด’ และทำให้เกิดภาวะชะลอการลงทุนชั่วคราว

ในส่วนของภาคสถาบันนั้น ‘แบล็คร็อก’ ได้ทำการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างมีนัยสำคัญ โดยขายอีเธอเรียม(ETH) มูลค่าประมาณ 152.7 ล้านดอลลาร์ หรือราว 2,123 พันล้านวอน และ ‘เข้าซื้อบิตคอยน์’ เพิ่มในมูลค่า 290 ล้านดอลลาร์ หรือราว 4,031 พันล้านวอน ซึ่งสะท้อนการวางตำแหน่ง ‘บิตคอยน์ในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงทางดิจิทัล’ ซึ่งสอดรับกับแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยที่อาจเกิดขึ้น

อีกหนึ่งสัญญาณเศรษฐกิจสำคัญคือข้อมูลตลาดแรงงาน โดยในสหรัฐมีจำนวนตำแหน่งงานว่างต่ำกว่าจำนวนคนว่างงานเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2021 ซึ่งสนับสนุนแนวโน้มการใช้นโยบาย ‘ผ่อนคลายทางการเงิน’ นักลงทุนจำนวนมากเชื่อว่าโอกาสในการลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายนสูงขึ้นเรื่อย ๆ และตลาดอาจมีความผันผวนมากขึ้นในวันประกาศตัวเลขจ้างงานถัดไป

โดยรวมสถานการณ์ในตลาดคริปโตยังคงขับเคลื่อนด้วยหลายปัจจัยตั้งแต่ทางการเมืองไปจนถึงพฤติกรรมของนักลงทุนสถาบัน และมี ‘บิตคอยน์’ ที่ยังคงเป็นแกนหลักเชื่อมโยงกับกระแสเศรษฐกิจมหภาคทั่วโลกอย่างใกล้ชิด

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1