ในยุคที่สินทรัพย์ดิจิทัลเริ่มมีบทบาทมากขึ้น ความสำคัญของ *แผนการสืบทอดทรัพย์สิน* สำหรับผู้ถือครองคริปโตก็ถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นบิตคอยน์(BTC), อีเธอเรียม(ETH) หรือโทเคน NFT ล้วนเป็นทรัพย์สินที่แตกต่างจากสินทรัพย์ทางการเงินแบบดั้งเดิม เนื่องจากการเข้าถึงต้องอาศัย *คีย์ส่วนตัว* หรือ *ซี้ดเฟรส* ซึ่งหากข้อมูลเหล่านี้สูญหาย เท่ากับว่า ‘ทรัพย์สินทั้งหมดจะไม่สามารถกู้คืนได้’
ในแต่ละปี มีคริปโตมูลค่าหลายหมื่นล้านวอนสูญหายไปอย่างถาวรจากการเสียชีวิตของเจ้าของ การลืมรหัส หรือไม่มีการวางแผนการสืบทอดอย่างเหมาะสม ตัวเลขประมาณการณ์ระบุว่ามีบิตคอยน์กว่า 1.57 ล้านเหรียญหายไปแล้ว คิดเป็นกว่า 7.5% ของบิตคอยน์ที่มีทั้งหมด ส่วนใหญ่เกิดจากความผิดพลาดของเจ้าของเอง หรือการไม่สามารถส่งต่อข้อมูลที่จำเป็นให้แก่ทายาทได้ *แผนการสืบทอดที่เป็นระบบ* จึงถือเป็นข้อจำเป็นหากต้องการถ่ายโอนทรัพย์สินให้ปลอดภัย
ขั้นตอนแรกควรเริ่มจากการจัดทำรายการทรัพย์สินดิจิทัลทั้งหมด พร้อมระบุรายละเอียดวิธีการเข้าถึงในเชิงเทคนิค เช่น คีย์หรือเฟรสต่าง ๆ โดยควรบันทึกไว้ในไฟล์เข้ารหัส หรือเอกสารที่จัดเก็บแบบออฟไลน์ ซึ่งสามารถใช้เครื่องมือระบุตัวตนแบบกระจายอำนาจช่วย *รักษาความเป็นส่วนตัว* ได้ดีขึ้น หลีกเลี่ยงการระบุรหัสโดยตรงไว้ในพินัยกรรมทั่วไป เพราะเสี่ยงต่อการถูกขโมยข้อมูลและละเมิดความเป็นส่วนตัว
อีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญคือการมอบหมาย *ผู้รับผิดชอบที่น่าเชื่อถือ* เพื่อให้กระบวนการถ่ายทอดทรัพย์สินเกิดขึ้นได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ในข้อนี้ ผู้ถือครองไม่ควรฝากคีย์ไว้ทั้งหมดกับแพลตฟอร์มหรือแบ่งปันให้คนในครอบครัวแบบไม่มั่นคง แต่ควรเลือกใช้ *วิธีเก็บรักษาแบบรวมศูนย์และไม่รวมศูนย์* อย่างสมดุล เพื่อให้ได้ทั้งความปลอดภัยและความยืดหยุ่น
เมื่อไม่นานมานี้ ทรัมป์แสดงการสนับสนุนอย่างเป็นทางการต่ออุตสาหกรรมคริปโต ยังส่งผลให้ประเด็นการ *สืบทอดคริปโตในฐานะมรดก* เป็นจุดสนใจในสังคมมากขึ้น ผู้ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลจึงควรตระหนักว่าหน้าที่ของตนไม่ใช่แค่การถือครอง แต่รวมถึงการได้ออกแบบ *โครงสร้างที่มั่นคงสำหรับการส่งต่อสินทรัพย์แก่ลูกหลาน* ด้วย ไม่เพียงแต่ต้องเข้าใจประเด็นด้านเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ต้องเตรียมรับมือทั้งด้านกฎหมายและมุมมองของสังคมอีกด้วย เพื่อให้ *การสืบทอดสินทรัพย์ดิจิทัล* เป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบในทุกมิติ
ความคิดเห็น 0