สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ(SEC) เตรียมปฏิรูปกฎระเบียบตลาดคริปโตครั้งใหญ่ โดยพอล แอตกินส์(Paul Atkins) กรรมาธิการของ SEC ย้ำว่า โทเคนดิจิทัลส่วนใหญ่ ‘ไม่ใช่หลักทรัพย์’ และจำเป็นต้องมี ‘ระบบกำกับดูแลแบบเดียว’ ที่ครอบคลุมกิจกรรมเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมด เช่น การซื้อขาย การให้กู้ และการวางเดิมพัน (Staking)
เมื่อวันที่ 19 (เวลาท้องถิ่น) ในการขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ที่งาน OECD Roundtable ณ กรุงปารีส แอตกินส์ระบุว่า “SEC กำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่” พร้อมเสริมว่า หน่วยงานจะเคลื่อนตัวจาก ‘การบังคับใช้ที่ไม่ชัดเจน’ ไปสู่การสนับสนุนภาคส่วนให้เติบโตบนพื้นฐานของ ‘ความชัดเจนและคาดการณ์ได้’ ซึ่งถือเป็นทิศทางที่แตกต่างจากนโยบายควบคุมเข้มงวดที่ SEC เคยยึดถืออย่างยาวนาน
ท่าทีใหม่นี้เป็นส่วนหนึ่งของแผน ‘Project Crypto’ ที่ SEC เป็นแกนนำ โดยเป้าหมายของโครงการคือ การจัดทำกฎเกณฑ์ใหม่สำหรับตลาดการเงินบนระบบบล็อกเชน เนื่องจาก SEC ตระหนักว่าจำเป็นต้อง ‘ปรับโครงสร้างตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเป็นระบบสมัยใหม่’ อีกทั้งยังมีการเปิดเผยว่า คณะทำงานด้านสินทรัพย์ดิจิทัลภายใต้ทำเนียบขาว ได้จัดทำ ‘แผนแม่บทกล้าหาญ’ สำหรับการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ไว้แล้ว
ความพยายามดังกล่าวไม่ได้เป็นแค่คำประกาศ แต่มีแนวโน้มจะกลายเป็นมาตรการทางกฎหมายอย่างจริงจัง โดยเฉพาะหลังจากแอตกินส์ระบุว่า โทเคนจำนวนมาก ‘ไม่เข้าข่ายหลักทรัพย์’ ซึ่งสร้างแรงสะเทือนไปยังทั้งอุตสาหกรรมคริปโต เนื่องจากก่อนหน้านี้ SEC ยึดยุทธศาสตร์ที่มุ่งควบคุมคริปโตโดยอ้างว่า ‘ส่วนใหญ่เป็นหลักทรัพย์’ ยกเว้นเพียงบิตคอยน์(BTC) และอีเธอเรียม(ETH)
เมื่อเปรียบเทียบกับข้อเสนอการกำกับโครงสร้างตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลฉบับล่าสุดของพรรคเดโมแครต ความเคลื่อนไหวของ SEC ในครั้งนี้จึงถูกมองว่าเป็น ‘ความพยายามหาระดับสมดุล’ ระหว่าง ‘ความชัดเจนด้านกฎระเบียบ’ และ ‘การส่งเสริมอุตสาหกรรม’ ทั้งนี้ ภาคคริปโตได้เรียกร้องให้นโยบายของภาครัฐมีความมั่นคงมานานแล้ว ทำให้หลายฝ่ายจับตามองว่า จุดยืนใหม่ของ SEC จะนำไปสู่การฟื้นฟูความเชื่อมั่นในตลาดหรือไม่ ความคิดเห็น: หากก้าวเดินนี้เกิดขึ้นจริง อาจเป็นหนึ่งในหมุดหมายสำคัญของการเปลี่ยนนโยบายด้านคริปโตของสหรัฐฯ ในรอบหลายปี
ความคิดเห็น 0