ไบแนนซ์ และแฟรงคลิน เทมเพิลตัน ผนึกกำลัง รุกตลาดโทเคนสินทรัพย์
เมื่อวันที่ 10 ตามเวลาท้องถิ่น ไบแนนซ์(Binance) แพลตฟอร์มคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลก และแฟรงคลิน เทมเพิลตัน(Franklin Templeton) บริษัทจัดการสินทรัพย์ระดับโลก ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อพัฒนาโซลูชันสินทรัพย์ดิจิทัลสำหรับนักลงทุนทั้งรายบุคคลและสถาบัน โดยมีเป้าหมายชัดเจนในการขับเคลื่อน ‘การโทเคนสินทรัพย์’ ให้เป็นเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพของตลาดทุนผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน
ภายใต้ความร่วมมือนี้ ทั้งสองฝ่ายจะผนวกรวมความสามารถหลักของตน ทั้งในด้านศักยภาพการออกสินทรัพย์ดิจิทัลแบบมีหลักทรัพย์กำกับ (Security Tokens) ของแฟรงคลิน เทมเพิลตัน เข้ากับโครงสร้างพื้นฐานการซื้อขายและฐานผู้ใช้ระดับโลกของไบแนนซ์ ‘การเข้าถึงการลงทุน’, ‘ความโปร่งใส’ และ ‘ความเร็วในการชำระธุรกรรม’ คือจุดแข็งหลักที่ทั้งคู่คาดว่าจะพัฒนาไปสู่ระดับใหม่ ด้วยการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในรูปแบบที่ใช้งานได้จริง
แฟรงคลิน เทมเพิลตันปัจจุบันบริหารทรัพย์สินอยู่ที่ประมาณ 1.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2,224 ล้านล้านวอน ขณะที่ไบแนนซ์ยังคงครองตำแหน่งแพลตฟอร์มคริปโตเบอร์หนึ่งของโลก ด้วยจำนวนผู้ใช้และปริมาณการซื้อขายที่สูงที่สุด ความร่วมมือนี้จึงถูกจับตาเป็นพิเศษในเงื่อนไขที่ทั้งสองมีจุดยืนแข็งแกร่งในฝั่งของตนเอง
ในด้านการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน แฟรงคลิน เทมเพิลตันถือเป็นบริษัทเก่าแก่วงการการเงินที่กล้าเปิดรับนวัตกรรมมาตั้งแต่ช่วงต้น โดยในปี 2021 เคยออกกองทุนตลาดเงินแบบโทเคนชื่อ FOBXX ที่ดำเนินบนโซ่บล็อกเชนแบบสาธารณะถึง 8 เครือข่าย และเมื่อต้นปีนี้ยังได้เปิดตัว UCITS SICAV แบบ ‘โทเคนเต็มรูปแบบ’ ในลักเซมเบิร์ก ซึ่งเป็นประเทศแรกในยุโรปที่มีกรณีเช่นนี้ ถือเป็นสัญญาณชัดว่าโครงสร้างทางการเงินดั้งเดิมกำลังเดินเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างจริงจัง
นอกเหนือจากการออกโทเคน แฟรงคลิน เทมเพิลตันยังบริหารโหนดบล็อกเชนด้วยตนเอง และมุ่งมั่นศึกษาเบื้องลึกของเทคโนโลยีอย่างจริงจังเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ระยะยาวในการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ที่ไม่เพียงแสวงหาผลประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ร่วมกับพันธมิตร แต่ยังขับเคลื่อน ‘โครงสร้างอุตสาหกรรม’ ทั้งระบบไปข้างหน้าด้วย ความคิดเห็นจากแหล่งข่าวระบุว่า กลยุทธ์ดังกล่าวจะช่วยให้บริษัทสามารถอยู่ในตำแหน่งผู้นำในตลาดที่กำลังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล
ในสถานการณ์ที่ตลาดคริปโตเคลื่อนเข้าสู่กระแสการออกกฎระเบียบ ความร่วมมือระหว่างแฟรงคลิน เทมเพิลตันและไบแนนซ์จึงถูกมองว่าเป็นตัวเร่งศักยภาพของบล็อกเชนภาคสถาบันให้เกิดเร็วขึ้น โดยเฉพาะในตลาด ‘โทเคนหลักทรัพย์(STO)’ ที่กำลังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น การผนึกกำลังระหว่างยักษ์ใหญ่การเงินแบบดั้งเดิมและองค์กรคริปโตระดับโลกนี้ อาจกลายเป็นแรงขับสำคัญที่ผลักดันรูปแบบบริการทางการเงินสู่ยุคใหม่อย่างเป็นรูปธรรม
ความคิดเห็น 0