ตลาดคริปโตกำลังเผชิญกับแรงกดดันใหม่หลังตลาดพันธบัตรส่งสัญญาณ ‘การแบนราบของเส้นผลตอบแทน(Bull Flattening)’ ซึ่งมักสะท้อนแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเมื่อเส้นผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มแบนราบอย่างรวดเร็ว ทำให้นักลงทุนจับตาความผันผวนระยะสั้นของสินทรัพย์เสี่ยงอย่าง *บิตคอยน์(BTC)* อย่างใกล้ชิด
เมื่อวันที่ 10 กันยายน Binance Research ระบุผ่าน X (ชื่อเดิม Twitter) ว่าภาวะเงินเฟ้อที่เริ่มอ่อนตัวลง ร่วมกับข้อมูลแรงงานสหรัฐฯ ที่อ่อนแอกว่าคาด ส่งผลให้นักลงทุนมีมุมมองเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ทั้งนี้ ความแตกต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีกับ 2 ปี ซึ่งยังคงอยู่ในระดับต่ำ ถือเป็นหนึ่งในสัญญาณที่นักวิเคราะห์มองว่าเป็น ‘ตัวชี้วัดที่เชื่อถือได้’ ของภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยมีการคาดการณ์ว่า การประกาศดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) ที่กำลังจะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ อาจกลายเป็นตัวกระตุ้นให้ทิศทางตลาดเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
ในส่วนของตลาดคริปโต นักวิเคราะห์บางรายเริ่มแสดงความกังวลว่า การรีบาวด์ของ *อัลต์คอยน์* ในช่วงหลังอาจไม่ใช่แรงซื้อที่มาจากปัจจัยพื้นฐานจริง กรณีหนึ่งคือความเห็นจากนักเทรดภายใต้นามแฝง Doctor Profit ที่ออกมาเตือนว่าการเพิ่มขึ้นของราคาในช่วงนี้ อาจเป็นเพียง ‘กับดักการกระจาย(distribution trap)’ ที่ออกแบบมาเพื่อดึงนักลงทุนรายย่อยให้เข้าสู่ตลาดก่อนเหตุการณ์สำคัญด้านมหภาค เช่นการเปิดเผย CPI หรือการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ความเห็นนี้สอดคล้องกับมุมมองของ Benjamin Cowen ผู้ก่อตั้ง Into The Cryptoverse ซึ่งยังคงเน้นว่า *บิตคอยน์ควรถือเป็นสินทรัพย์หลัก* ในยามที่ตลาดผันผวน
ด้านสถานะราคาของ *บิตคอยน์(BTC)* ตามข้อมูลจาก CoinGecko ปัจจุบันอยู่ที่ 111,581 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.55 ล้านบาท) โดยลดลง 0.8% ภายในวันเดียว แต่ยังคงเพิ่มขึ้น 0.5% ในรอบสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับเดือนก่อนพบว่าราคาลดลงกว่า 8.6% หรือต่ำกว่าจุดสูงสุดประจำปีที่เคยทำไว้เมื่อวันที่ 14 สิงหาคมที่ 124,457 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.73 ล้านบาท) อยู่เกือบ 10%
มุมมองทางเทคนิคชี้ว่า ระดับ 110,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.53 ล้านบาท) ยังคงเป็นแนวรับสำคัญ หากสามารถกลับมาเคลื่อนไหวเหนือบริเวณ 112,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.55 ล้านบาท) ได้แบบมั่นคง มีความเป็นไปได้ที่จะเห็นราคาไต่ระดับไปถึงช่วง 116,000–117,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.61–1.62 ล้านบาท) แต่หากราคาขยับสูงกว่านี้ แรงขายจากนักลงทุนรายใหญ่ก็เริ่มแสดงออกอย่างชัดเจน
ข้อมูลจากเครือข่ายบล็อกเชนเผยให้เห็นว่า ปัจจุบันการเคลื่อนไหวของ *ราคาบิตคอยน์มีแนวโน้มได้รับแรงหนุนจากกระแสเก็งกำไรมากกว่าความต้องการที่แท้จริง* โดยกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ที่ถือ 1000 BTC ขึ้นไป เริ่มลดสถานะลง ขณะเดียวกันกระเป๋าเงินที่ถือ 100–1000 BTC กลับเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมีนัยยะ อย่างไรก็ตาม กิจกรรมโดยรวมในเครือข่ายกลับชะลอตัวลง โดยเฉพาะจำนวน Wallet ที่ยังเคลื่อนไหว ลดลงอย่างต่อเนื่อง จึงมีข้อสังเกตว่าแรงซื้อในรอบนี้อาจเป็นเพียง ‘การรีบาวด์ชั่วคราวเพื่อหาทางออก’ มากกว่าจะเป็นเข้าสู่ ‘วัฏจักรขาขึ้น’
สรุปได้ว่า *บิตคอยน์กำลังอยู่ท่ามกลางแรงกดดันจากทั้งความผันผวนที่เพิ่มขึ้นและภาวะสภาพคล่องที่จำกัด* ซึ่งในบริบทเช่นนี้ ปัจจัยจากตลาดพันธบัตรและข้อมูลเศรษฐกิจมักมีอิทธิพลต่อราคามากกว่าปัจจัยด้านเทคนิค โดยการประกาศ CPI และการประชุมของเฟดที่กำลังจะเกิดขึ้น อาจกลายเป็น ‘จุดเปลี่ยนสำคัญ’ ที่กำหนดทิศทางของตลาดคริปโตในช่วงถัดไป
ความคิดเห็น 0