การแข่งขันเพื่อเป็นผู้ออกสเตเบิลคอยน์ USDH ของไฮเปอร์ลิควิด(Hyperliquid) เข้าสู่ช่วงเข้มข้น เมื่อล่าสุดมีผู้เข้าร่วมประมูลใหม่อีก 2 ราย คือโอเพนอีเดน(OpenEden) แพลตฟอร์มโทเคนไรซ์สินทรัพย์จริง (RWA) และบริษัทรับฝากคริปโต บิทโก(BitGo) ส่งผลให้ยอดผู้แข่งขันรวมเพิ่มเป็น 8 ราย
ไฮเปอร์ลิควิดถือครองสินทรัพย์ประเภทสเตเบิลคอยน์มูลค่าประมาณ 82 ล้านล้านวอน หรือราว 5.89 หมื่นล้านดอลลาร์ โดย ‘95.56%’ ของพอร์ตดังกล่าวประกอบด้วยยูเอสดีคอยน์(USDC) ทั้งนี้ กระบวนการลงคะแนนเพื่อตัดสินผู้ได้รับสิทธิ์ออก USDH มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันพฤหัสบดีถึงวันอาทิตย์นี้
รายชื่อผู้เข้าแข่งขันนอกจากโอเพนอีเดนและบิทโก ยังได้แก่ เอตีนา(ENA), แพกซอส(Paxos), แฟรกซ์(Frax), อาโกรา(Agora), เนทีฟมาร์เก็ต(Native Markets) และสกาย(Sky)
ทางโอเพนอีเดนโดยซีอีโอ เจเรมี อึง(Jeremy Ng) ได้เสนอรายละเอียดแผนการบริหารเงินสำรองสำหรับ USDH โดยให้คำมั่นว่าจะ*คืนผลตอบแทนจาก USDH ให้กับระบบนิเวศไฮเปอร์ลิควิดทั้งหมด* รวมไปถึงการจัดทำโปรแกรมบายแบ็ค ทั้งยังเตรียมนำผลกำไรจากการออกและการไถ่ถอน USDH ไปซื้อโทเคน HYPE ซึ่งเป็นโทเคนหลักของแพลตฟอร์ม เพื่อนำไปกระจายให้แก่ผู้ตรวจสอบเครือข่าย โดยมอบโทเคน EDEN ของบริษัทในสัดส่วน 3% เป็นหนึ่งในแรงจูงใจ และเปิดช่องไว้สำหรับการจัดสรรเพิ่มในอนาคต
USDH มีแผนจะถูกหนุนหลังโดยกองทุนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะสั้นแบบโทเคน ซึ่งจะถูกดูแลโดยแบงก์ออฟนิวยอร์กเมลลอน(The Bank of New York Mellon) ด้านโอเพนอีเดนยังเร่งผลักดันกลยุทธ์การใช้งานผ่านพาร์ตเนอร์ เช่น เชนลิงค์(LINK), เอียนเพย์(AEON Pay) และโมนาอาร์คแอสเซท
บิทโกเสนอแนวทางแตกต่าง โดยระบุว่า*จะกระจายการถือครอง USDH สำรองผ่านสินทรัพย์สภาพคล่องค้ำประกันด้วยดอลลาร์, เงินฝากธนาคาร และพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น* อีกทั้งยังใช้โปรโตคอล CCIP ของเชนลิงค์เพื่อรับประกันความสามารถในการเชื่อมข้ามเชน ผลตอบแทนบางส่วนจากทุนสำรองจะนำไป ‘ซื้อคืนและสเตกโทเคน HYPE’ ขณะที่บิทโกจะเรียกเก็บ ‘ค่าธรรมเนียม 0.3% จากยอดทุนสำรองทั้งหมด’ นอกจากนี้ ยังชู ‘จุดแข็งด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบ’ เป็นข้อได้เปรียบหลัก โดยอ้างว่าครอบครองใบอนุญาตการเงินในตะวันออกกลาง ยุโรป และเอเชียเป็นจำนวนมาก
ในอีกด้านหนึ่ง เนทีฟมาร์เก็ตยังคงครองความได้เปรียบในด้านการสนับสนุนจากชุมชน โดยครองสัดส่วนคะแนนโหวต 33.73% ซึ่งสูงที่สุดในกลุ่ม แต่ข้อเสนอของแพลตฟอร์มที่แบ่งรายได้จากทุนสำรองครึ่งหนึ่งเพื่อซื้อคืน HYPE และอีกครึ่งหนึ่งจัดสรรให้กองทุนช่วยเหลือ(Assistance Fund) กลับถูกวิพากษ์ในบางส่วนว่าอาจเกี่ยวข้องกับ*ข้อตกลงล่วงหน้าแบบไม่โปร่งใส*
ฮาซิบ คูเรชี(Haseeb Qureshi) ซีอีโอของดรากอนฟลาย(Dragonfly) ตั้งข้อสงสัยถึงความโปร่งใสของกระบวนการคัดเลือก โดยระบุว่า “มีผู้ประมูลบางรายกล่าวว่า ข้อเสนอของตนไม่เคยถูกพิจารณาอย่างจริงจัง นอกจากเนทีฟมาร์เก็ต” ขณะที่ อเล็กซ์ สวาเนวิก(Alex Svanevik) ซีอีโอของแนนเซน(Nansen) บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลบล็อกเชน ออกมายืนยันว่า “เราทำงานใกล้ชิดกับชุมชนมาโดยตลอด เพื่อส่งเสริมให้เกิดข้อเสนอหลากหลาย” และปฏิเสธเรื่องโครงสร้างการประมูลที่มีอคติ
การแข่งขันเพื่อตัดสินผู้ถือสิทธิ์ออก USDH ในครั้งนี้ จึงกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่อาจกำหนดทิศทางของโมเดลเศรษฐกิจแบบกระจายอำนาจของไฮเปอร์ลิควิด รวมถึงศักยภาพในการสร้างรายได้ของแพลตฟอร์มในอนาคต
ความคิดเห็น 0