แซม แบงก์แมน-ฟรายด์ (SBF) เตรียมอุทธรณ์คดี FTX 4 พ.ย. คาดอาจเปลี่ยนคำตัดสินจำคุก 25 ปี

แซม แบงก์แมน-ฟรายด์(Sam Bankman-Fried หรือ SBF) อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเอฟทีเอ็กซ์(FTX) เตรียมเข้าสู่กระบวนการพิจารณาอุทธรณ์ในวันที่ 4 พฤศจิกายนนี้ ณ ศาลอุทธรณ์รอบที่ 2 ของสหรัฐ ซึ่งนับเป็นความเคลื่อนไหวสำคัญครั้งแรกของคดีนี้นับตั้งแต่เขาถูกตัดสินโทษจำคุก 25 ปีจากความผิดทางอาญา 7 กระทง

จากประกาศล่าสุดของศาลอุทธรณ์สหรัฐ ตารางการพิจารณาถูกยืนยันอย่างเป็นทางการ แบงก์แมน-ฟรายด์เคยถูกตัดสินโทษเมื่อพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา ณ เมืองนิวยอร์ก และในเดือนมีนาคมปีนี้ถูกย้ายจากเรือนจำนิวยอร์กไปยังเรือนจำกลางเทอร์มินัลไอแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อกำหนดอุทธรณ์ถูกเปิดเผยขึ้น คดีนี้ก็กลับมาเป็นจุดสนใจของสื่อและนักลงทุนอีกครั้ง

ทีมทนายของเขาได้ยื่นหนังสือแจ้งความจำนงจะอุทธรณ์ในเดือนเมษายน 2024 และตามด้วยคำร้องสรุปในเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยให้เหตุผลว่า ‘หลักการสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์’ ไม่ได้รับการยึดถือในการพิจารณาคดี และโจทก์ได้ ‘สร้างเรื่องเท็จ’ ว่าเงินทุนของลูกค้าบนแพลตฟอร์มเอฟทีเอ็กซ์สูญหายทั้งหมด ซึ่งถือเป็นหนึ่งในข้อโต้แย้งสำคัญ

ผลของการอุทธรณ์ในครั้งนี้อาจนำไปสู่การ ‘พิจารณาคดีใหม่’ หรือแม้กระทั่ง ‘การตัดสินโทษใหม่’ หากศาลมีคำวินิจฉัยให้กลับคำตัดสินเดิม ซึ่งอาจสร้างแรงสะเทือนต่อวงการคริปโตและภาคกฎหมายของสหรัฐโดยรวม

เอฟทีเอ็กซ์ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในบาฮามาส ยื่นล้มละลายในเดือนพฤศจิกายน 2022 หลังไม่สามารถจัดการปัญหาสภาพคล่องได้ ส่งผลให้ทีมผู้บริหารหลายคนถูกดำเนินคดีทางอาญา โดยแบงก์แมน-ฟรายด์เป็นเพียงคนเดียวที่ยังคงยืนยันความบริสุทธิ์ หลังถูกจับกุม เขาเคยได้ประกันตัว แต่ก็ถูกยกเลิกในเดือนสิงหาคม 2023 เนื่องจากมีพฤติกรรมพยายามข่มขู่พยาน

ในตอนนี้ เขายังคงถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำเทอร์มินัลไอแลนด์ และสำนักงานราชทัณฑ์กลางของสหรัฐระบุว่า ‘วันที่คาดหมายในการพ้นโทษ’ ของเขาคือวันที่ 25 ตุลาคม 2044

เหลือเพียงคดีเดียวที่เกี่ยวข้องกับเขาที่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ขณะที่เพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ อย่างแคโรไลน์ เอลลิสัน(Caroline Ellison) อดีตซีอีโอของอาลาเมดารีเสิร์ช, ไรอัน ซาลาเม(Ryan Salame) อดีตร่วมซีอีโอของ FTX ดิจิทัลมาร์เก็ต, แกรี หวัง(Gary Wang) ผู้ร่วมก่อตั้ง FTX และนิชาด ซิงห์(Nishad Singh) หัวหน้าวิศวกร ต่างได้รับคำพิพากษาเรียบร้อยแล้ว

เอลลิสันยอมรับผิดหลังถูกตั้งข้อหา และให้การต่อศาลอย่างละเอียด โดยได้รับโทษจำคุก 2 ปีเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา คาดว่าจะพ้นโทษในเดือนมีนาคม 2026 ส่วนหวังและซิงห์ก็ยอมรับผิดและให้ความร่วมมือ โดยใช้ระยะเวลาที่ถูกควบคุมตัวเป็นโทษจำคุกตามคำตัดสิน

การอุทธรณ์ครั้งนี้จึงถูกจับตามองว่าอาจเป็น ‘จุดเปลี่ยนใหม่’ ของคดีอาญาครั้งใหญ่ที่สุดคดีหนึ่งในประวัติศาสตร์ของวงการคริปโตโลก โดยนักลงทุนทั่วโลกและผู้เกี่ยวข้องต่างรอคอยบทสรุปของศาลอย่างใกล้ชิด