กระเป๋าวาฬบิตคอยน์(BTC) เคลื่อนไหวครั้งแรกในรอบ 13 ปี เผยผลตอบแทนทะลุ 640,000%

กระเป๋าเงินวาฬที่ถือครอง *บิตคอยน์(BTC)* มาตั้งแต่ยุคเริ่มต้นได้เคลื่อนไหวอีกครั้งในรอบ 13 ปี สร้างความฮือฮาในหมู่นักลงทุนคริปโต โดยกระเป๋าดังกล่าวที่เปิดใช้งานตั้งแต่ปี 2012 เคยมีสินทรัพย์รวมเพียงประมาณ 5,400 ดอลลาร์ หรือราว 750,000 บาทในขณะนั้น แต่ล่าสุดมีการย้ายบางส่วนของบิตคอยน์ ส่งผลให้บันทึก *ผลตอบแทนสูงถึง 640,000%* ซึ่งเป็นอัตราผลกำไรที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ข้อมูลจาก Arkham แพลตฟอร์มวิเคราะห์บล็อกเชน ระบุว่ากระเป๋านี้ลงทุนในเฉลี่ยที่ราคาราว 12.22 ดอลลาร์ต่อ BTC และในครั้งนี้ได้ทำการเคลื่อนย้ายมูลค่ารวมกว่า *312 BTC* หรือคิดเป็นมูลค่าราว *487 ล้านบาท* ตามอัตราแลกล่าสุด โดย BTC จำนวน 132.03 หน่วย (ประมาณ 205 ล้านบาท) ถูกโอนไปยังกระเป๋าใหม่ ขณะที่ 5 BTC (ประมาณ 8 ล้านบาท) ถูกส่งไปยังคราเคน ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเทรดคริปโตขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา และเหลืออีก 175 BTC ยังคงอยู่ภายในกระเป๋าเดิม

สิ่งที่น่าสนใจคือกระเป๋าวาฬนี้แทบไม่มีความเคลื่อนไหวมาเป็นเวลากว่า 13 ปี โดยมีกิจกรรมเพียงเล็กน้อย อย่างรายการโอนขนาดเล็กซึ่งเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการฟิชชิงหรือบริการมิกซ์เหรียญเพื่อความเป็นส่วนตัว และการโอนในครั้งนี้ก็ถือเป็นการเคลื่อนไหวครั้งแรกอย่างแท้จริงนับตั้งแต่ปี 2012 ซึ่งการกลับมาเคลื่อนไหวของกระเป๋าเก่าที่อยู่ในสถานะ *“หลับไหล”* นี้ ส่งผลให้ตลาดจับตาอย่างใกล้ชิด

นักวิเคราะห์บางรายเชื่อว่าการเคลื่อนไหวนี้อาจเป็นเพียงการจัดการพอร์ตส่วนบุคคล แต่ขณะเดียวกันก็มีการประเมินว่าอาจเป็นสัญญาณของ *การกลับเข้าสู่ตลาดของวาฬบิตคอยน์* ซึ่งอาจส่งผลต่อราคาหรือบรรยากาศการลงทุนในวงกว้าง ความจริงที่ว่าการลงทุนเพียงหลักหมื่นสามารถเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินระดับหลายร้อยล้านบาท ทำให้ความเชื่อในกลยุทธ์ *การถือยาว (HODL)* กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง

อีกมุมหนึ่งที่น่าพิจารณาคือ แนวโน้ม *การเปลี่ยนมือของบิตคอยน์ในยุคเริ่มต้น* กลุ่มกระเป๋าที่เคลื่อนไหวในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ของการถ่ายโอนทรัพย์สินระหว่างรุ่น เช่น การรวมพอร์ต, การส่งมอบมรดก หรือการปรับพอร์ตการลงทุน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างการถือครองในระยะยาว

ในขณะที่ *ประธานาธิบดีทรัมป์* ยังคงมีอิทธิพลสูงต่อกระแสของคริปโต ทั้งด้านนโยบายและตลาด ความเคลื่อนไหวของบรรดาวาฬเหล่านี้ก็อาจมีความเกี่ยวโยงทางอ้อมกับทิศทางของภาครัฐในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่กำลังมีการถกเถียงเรื่องกรอบกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเข้มข้น

เหตุการณ์นี้เน้นย้ำว่า ยังมีผู้ถือ *บิตคอยน์ในช่วงแรกเริ่ม* จำนวนมากที่ไม่เป็นที่รู้จัก และไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้ว่าพวกเขาจะกลับออกมาสู่ตลาดเมื่อใด ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า บิตคอยน์ไม่ใช่แค่สินทรัพย์ดิจิทัล แต่ยังเป็น *สัญลักษณ์ของยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนผ่าน* สู่โลกการเงินแบบไร้ศูนย์กลางอย่างแท้จริง