โครงข่ายโพลิกอน(MATIC) ซึ่งเป็นโซลูชันเลเยอร์ 2 บนระบบนิเวศของอีเธอเรียม(ETH) ได้กลับมาทำงานตามปกติอีกครั้ง หลังจากประสบปัญหา ‘ความผิดปกติของเครือข่าย’ จากบั๊กในซอฟต์แวร์เมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยมูลนิธิโพลิกอนประกาศเมื่อวันที่ 5 (เวลาท้องถิ่น) ว่า ได้แก้ไขปัญหาการ ‘ซิงโครไนซ์ผิดพลาดระหว่างโหนด’ เป็นที่เรียบร้อย และขณะนี้กลไกการทำฉันทามติและยืนยันธุรกรรมกลับมาใช้งานได้เป็นปกติ
ต้นตอของปัญหาเกิดจากข้อเสนอที่มีข้อผิดพลาดจากตัวตรวจสอบความถูกต้อง (Validator) ซึ่งทำให้โหนด Bor บางส่วนที่รับผิดชอบการสร้างและจัดลำดับบล็อก แยกตัวไปอยู่บนเครือข่ายย่อย อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อโหนด RPC ซึ่งมีหน้าที่เชื่อมข้อมูลระหว่างบล็อกเชนและแอปพลิเคชัน จนเกิดความล่าช้าและข้อผิดพลาดต่าง ๆ ส่งผลให้โพลิกอนต้องดำเนินการฮาร์ดฟอร์ก ลบจุดข้อมูลอ้างอิง (Checkpoint) ที่มีปัญหาออกไป
ซันดีป เนลวาล(Sandeep Nailwal) ผู้ร่วมก่อตั้งโพลิกอน กล่าวว่า ทีมพัฒนาได้อัปเดตเวอร์ชัน Heimdall v0.3.1 และ Bor 2.2.11-beta2 เพื่อแก้ไขบั๊กดังกล่าว และปัจจุบันโหนดทั้งหมดกลับมาออนไลน์ตามปกติ พร้อมยืนยันว่าจุดตรวจและการจัดเก็บข้อมูลดำเนินการได้อย่างราบรื่น
เหตุการณ์ครั้งนี้สะท้อนให้เห็น ‘ความซับซ้อน’ ที่เพิ่มมากขึ้นของเครือข่ายบล็อกเชนสมัยใหม่ ซึ่งรองรับทั้งสมาร์ตคอนแทรกต์ การจัดเก็บไฟล์ และการทำงานข้ามเชน ทั้งนี้ การเปิดเผยช่องโหว่จากบั๊กเล็ก ๆ สามารถนำไปสู่ผลกระทบใหญ่หลวงในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ความคิดเห็น: *ประเด็นนี้ชี้ให้เห็นถึงความเปราะบางทางเทคนิคที่ผู้พัฒนาทุกฝ่ายควรตระหนักและเตรียมรับมือ*
อีกด้านหนึ่ง สถานะของกฎระเบียบใหม่ในสหรัฐฯ ก็สร้างแรงกระเพื่อมต่อวงการเช่นเดียวกัน โดยพอล แอทกินส์(Paul Atkins) กรรมาธิการจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ(SEC) กล่าวในการประชุม Roundtable ซึ่งจัดโดย OECD ที่กรุงปารีสว่า “*คริปโตส่วนใหญ่ไม่ใช่หลักทรัพย์*” และเรียกร้องให้มีแนวทางกำกับดูแลใหม่ที่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนา
แอทกินส์ ยังได้แนะนำแผน ‘โปรเจกต์คริปโต(Project Crypto)’ ซึ่งเป็นกรอบนโยบายครอบคลุมการซื้อขาย, การให้กู้ยืม, และการสเตคโทเคน มุ่งเปลี่ยนรูปแบบการกำกับจากการบังคับใช้เชิงลงโทษ มาเป็นการสร้างกฎที่ ‘ชัดเจนและคาดการณ์ได้’ โดยมีการสนับสนุนจาก *คณะทำงานตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลภายใต้ประธานาธิบดีโดยตรง*
ความคิดเห็น: *แนวโน้มใหม่นี้ถูกมองว่าเป็นสัญญาณของการลดการแทรกแซงจาก SEC และเปิดทางให้นักพัฒนาในสหรัฐฯ มีพื้นที่ในการสร้างนวัตกรรมมากขึ้น*
ในช่วงที่ตลาดคริปโดยังคงอยู่ในภาวะอ่อนตัว แนวโน้มสองประการนี้ ทั้งจากกรณีโพลิกอนที่สามารถฟื้นฟูระบบได้อย่างรวดเร็ว และท่าทีเปิดกว้างจาก SEC ถือเป็นข่าวดีที่อาจ *ส่งผลเชิงบวกต่อทิศทางอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล* ในระยะถัดไป โดยผู้เชี่ยวชาญระบุว่า “*ความมั่นคงด้านเทคโนโลยีควบคู่กับกรอบกำกับชัดเจน จะช่วยเสริมความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้อย่างมีนัยสำคัญ*”
ความคิดเห็น 0