คอยน์เบส(Coinbase) ฟ้อง SEC ฐานลบข้อความสำคัญ ปิดบังข้อมูลช่วงวิกฤต FTX

บริษัทคริปโตรายใหญ่ของสหรัฐอย่าง ‘คอยน์เบส’(Coinbase) ได้ยื่นฟ้องคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ(SEC) โดยอ้างว่า SEC มีพฤติกรรมละเลยต่อความโปร่งใสของสาธารณะ หลังพบว่า *SEC ลบข้อความภายในจำนวนมากโดยเจตนา* ซึ่งครอบคลุมช่วงเวลาสำคัญของตลาดคริปโต คอยน์เบสมองว่าเรื่องนี้เป็น *“การทำลายความเชื่อมั่นของสาธารณชนอย่างร้ายแรง”* และเรียกร้องให้ศาลดำเนินมาตรการลงโทษ

ประเด็นหลักอยู่ที่ข้อความและข้อมูลภายในโทรศัพท์ของแกรี เกนส์เลอร์(Gary Gensler) อดีตประธาน SEC ระหว่างเดือนตุลาคม 2022 ถึงกันยายน 2023 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์สำคัญ เช่น การล่มสลายของ FTX และการบังคับใช้กฎระเบียบต่อแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตขนาดใหญ่ คอยน์เบสกล่าวหาว่าการลบข้อมูลดังกล่าวถือเป็นการละเมิดกฎหมายเปิดเผยข้อมูล (FOIA) อย่างชัดเจน และได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐบาลกลางเพื่อขอให้มีการลงโทษและตรวจสอบเพิ่มเติม

พอล เกรวัล(Paul Grewal) หัวหน้าฝ่ายกฎหมายของคอยน์เบส ระบุว่าการที่ SEC เรียกร้องให้ภาคเอกชนต้องเก็บบันทึกข้อมูลอย่างเข้มงวด แต่ตนเองกลับทำตรงกันข้าม ถือเป็น ‘*มาตรฐานสองระดับ*’ โดยตรง และเห็นว่า “นี่คือการทรยศความไว้วางใจของประชาชนอย่างชัดเจน และศาลจำเป็นต้องดำเนินมาตรการเพื่อไม่ให้เกิดเหตุเช่นนี้อีก”

ในคำร้อง คอยน์เบสยังเปิดเผยว่า SEC *เลื่อนกำหนดการค้นหาหลักฐานหลายครั้ง* และจะเริ่มดำเนินการอย่างจริงจังในเดือนเมษายน 2025 แต่ ณ ตอนนั้นเอกสารจำนวนมากได้ถูกลบไปแล้ว ไม่เพียงแต่ข้อความของเกนส์เลอร์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงข้อความที่แลกเปลี่ยนระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงกว่า 20 ราย และอุปกรณ์อีกกว่า 40 เครื่อง ซึ่งยังเสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลเพิ่มเติมจากการสำรองข้อมูลไม่สำเร็จ

จากการตรวจสอบ พบว่า SEC จะไม่ดำเนินการค้นหาข้อมูลจากข้อความหากไม่ได้รับคำสั่งอย่างชัดเจน และเมื่อข้อมูลถูกลบแล้วก็ไม่แจ้งให้ผู้ขอข้อมูลทราบ ซึ่งคอยน์เบสมองว่าเป็นการละเมิดคำสั่งศาล และสร้างความเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรมแบบย้อนกลับไม่ได้

แม้ SEC ยังไม่ได้แถลงจุดยืน แต่คอยน์เบสยืนยันว่า *การสูญเสียหลักฐานครั้งนี้เป็นเรื่องร้ายแรง* ซึ่งอาจกระทบต่อความน่าเชื่อถือของกระบวนการฟ้องร้อง และเชื่อว่าศาลควรสั่งให้มีการเก็บหลักฐานอย่างเร่งด่วนและแต่งตั้งผู้สอบสวนอิสระเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้โดยทันที

ความคิดเห็นจากนักวิเคราะห์หลายรายมองว่ากรณีนี้ *อาจบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของ SEC* ในการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล และเป็นจุดเริ่มต้นของการท้าทายอำนาจทางกฎหมายของหน่วยงานในประเด็นคริปโตในอนาคต