บริษัทวิจัยข้อมูลคริปโตระดับโลก ไคโค่ รีเสิร์ช(Kaiko Research) เปิดเผยรายงานล่าสุดว่า ตลาดออปชันของสินทรัพย์ดิจิทัลกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยบริษัทชี้ว่าตลาดออปชันที่เคยมุ่งเน้น ‘โครงสร้างแบบยุโรป’ กำลังเปิดรับการเข้ามาของสถาบันการเงินแบบดั้งเดิมมากขึ้น ทำให้ตลาดไม่เพียงจำกัดอยู่เพียงออปชันของบิตคอยน์(BTC) และอีเธอเรียม(ETH) เท่านั้น แต่ยังเริ่มขยายไปสู่อัลต์คอยน์อื่นๆ อย่างชัดเจน
รายงานระบุว่าในอดีต ตลาดออปชันคริปโตมักถูกขับเคลื่อนโดยแพลตฟอร์มเฉพาะอย่าง เดอริบิต(Deribit), OKX และไบแนนซ์(Binance) โดยเฉพาะเดอริบิตที่ปัจจุบันถือเป็น ‘ศูนย์กลางของสภาพคล่อง’ สำหรับ BTC และ ETH ด้วยปริมาณซื้อขายรายวันสูงกว่า 20,000 สัญญาหรือคิดเป็นกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ ออปชันของแพลตฟอร์มดังกล่าวเป็นแบบยุโรป ซึ่งมีข้อจำกัดเรื่องการใช้งานเมื่อเทียบกับแบบอเมริกัน แต่ยังได้รับความนิยมเพราะมีวันครบกำหนดสิ้นเดือนชัดเจน ทำให้สามารถสร้างสภาพคล่องได้ดีในช่วงเวลานั้น
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตลาดยังคงให้น้ำหนักกับ BTC (56%) และ ETH (40%) เป็นหลัก ขณะที่ออปชันของอัลต์คอยน์ยังมีขนาดเล็กมาก แต่ไคโว่ชี้ว่าสัดส่วนดังกล่าวอาจเปลี่ยนเร็วขึ้นหลังการเข้ามาของสถาบันการเงิน หนึ่งในตัวอย่างสำคัญคือ ETF ออปชันของ BTC แบบสปอตที่กำลังช่วยขยายตลาดอัลต์คอยน์ออปชันอย่างมีนัยสำคัญ
กรณีที่โดดเด่นที่สุดในรายงานคือการเติบโตของออปชัน IBIT ETF ของแบล็คร็อก(BlackRock) ที่เริ่มเปิดให้ซื้อขายในเดือนพฤศจิกายน 2024 โดยในเวลาเพียงไม่กี่เดือน สามารถมีมูลค่าค้างจ่าย(MOI) แซงหน้าคู่แข่งอย่าง BITO ได้ และบางวันมีปริมาณซื้อขายทะลุ 1 ล้านสัญญา พร้อมทั้งทำยอดสะสมถึง 85% ของ BITO นับตั้งแต่เปิดตัว นี่เป็นหลักฐานสำคัญว่าตลาดกำลังมองหา ‘ทางเลือกใหม่’ สำหรับ BTC ออปชัน
แนวโน้มดังกล่าวไม่เพียงส่งผลต่อ ETH แต่ยังขยายไปถึงโซลานา(SOL) ด้วย โดย REX-ออสเพรย์(REX-Osprey) จากสหรัฐฯ เพิ่งเปิดตัว ETF แบบสปอตที่อิงกับ SOL เมื่อเดือนมิถุนายน 2025 และออปชันของ ETF ดังกล่าวก็เปิดตลาดตามมาเพียง 2 เดือนเท่านั้น ด้วยความเร็วในการพัฒนาแบบไม่เคยมีมาก่อน โดยบางวันมีปริมาณการซื้อขายเกิน 60 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนความสนใจและความต้องการของนักลงทุนต่อสินทรัพย์แบบอัลต์คอยน์
ไคโว่ระบุว่า ‘การขยายตัวของออปชันใน ETF สปอต’ เป็นหนึ่งในแรงสนับสนุนสำคัญที่ช่วยกระตุ้นตลาดอัลต์คอยน์ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงข้อจำกัดของโครงสร้างแบบยุโรปซึ่งมีสภาพคล่องต่ำและไม่ยืดหยุ่น สถาบันการเงินแบบดั้งเดิมจึงมีโอกาสเข้ามาเปลี่ยนแปลงโครงสร้างดังกล่าวเป็นแบบอเมริกัน ซึ่งอาจช่วยเปิดโอกาสในการเพิ่มสินทรัพย์ใหม่ๆ ที่รองรับการลงทุนอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น
ท้ายที่สุด รายงานยังกล่าวถึง ‘ความเป็นไปได้’ ในการสร้างออปชันสำหรับ ETF แบบสปอตของโดชคอยน์(DOGE) ซึ่งอาจเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะเปิดตัวในอนาคต แม้การสร้างสภาพคล่องในระยะเริ่มต้นอาจเป็นความท้าทาย แต่จากกรณีของ IBIT และ SOL ทำให้มองเห็นแนวโน้มว่าอุปสรรคเหล่านี้สามารถลดลงได้ในเวลาอันสั้น
ไคโ่วเผยทิ้งท้ายว่า รายงานครั้งถัดไปจะวิเคราะห์เรื่อง ‘โครงสร้างการกำหนดราคาความเสี่ยงระหว่างตลาดออปชันแบบดั้งเดิมกับคริปโต’ รวมถึง ‘ผลกระทบจากการที่คอยน์เบส(Coinbase) เข้าซื้อกิจการของเดอริบิต’ อีกด้วย
ความคิดเห็น 0