ริปเปิลและระบบนิเวศของริปเปิล(XRP)ได้รับข่าวดีอย่างต่อเนื่องทั้งจากฝั่งสหรัฐฯ และเอเชีย โดยสหรัฐฯ ได้อนุมัติการเปิดตัวกองทุน ETF ที่อิงกับ XRP เป็นครั้งแรก ขณะที่ฝั่งเอเชีย ริปเปิลเร่งขยายเครือข่ายผ่านความร่วมมือกับสถาบันการเงินชั้นนำอย่าง DBS และแฟรงคลิน เทมเพิลตัน เพื่อเสริมศักยภาพด้านการซื้อขายและการใช้งานจริงของสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงย่างก้าวที่กล้าหาญของริปเปิลจากการรับมือกับกฎระเบียบไปสู่การรุกตลาดอย่างเต็มตัว
เมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) มีการเปิดตัว **REX-ออสเปรย์ XRP ETF (XRPR)** อย่างเป็นทางการในตลาดสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นกองทุนที่ออกแบบแตกต่างจากกองทุน ETF แบบสปอตทั่วไป โดยตามรายงานจากเอลีเนอร์ เทร์เรต(Eleanor Terrett) ผู้สื่อข่าวจาก Fox Business XRPR ไม่เพียงถือครอง ‘ริปเปิลจริง’ เท่านั้น แต่ยังผสมผสานกับเงินสด, พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และตราสารอนุพันธ์ และที่สำคัญคือถูกจัดตั้งภายใต้ ‘กฎหมายบริษัทลงทุนปี 1940’ ทำให้กองทุนนี้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลที่เข้มงวดกว่า ETF อื่น ๆ ที่อิงตามกฎหมายหลักทรัพย์ปี 1933 ส่งผลให้ตลาดเรียกกองทุนนี้ว่า ‘ETF แบบเสริมความแข็งแกร่ง’
ก่อนหน้านี้ กองทุนคริปโตในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่มักมาในรูปแบบทรัสต์ที่ถือสินทรัพย์ทางกายภาพตามกฎหมายปี 1933 แต่รูปแบบใหม่อย่าง XRPR นำเสนอพอร์ตโฟลิโอแบบผสมที่อาจกลายเป็นต้นแบบของ ETF สำหรับคริปโตตัวอื่นในอนาคต ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมมองว่านี่อาจสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการ
**เกรย์สเกล (Grayscale)** ยักษ์ใหญ่ด้านการลงทุนดิจิทัล ก็เผยถึงแผนการเปิดรับ XRP มากขึ้น โดยปีเตอร์ มินต์ซเบิร์ก(Peter Mintzberg) ซีอีโอของบริษัท ประกาศว่า ‘กองทุนดิจิทัลขนาดใหญ่ (GDLC)’ ของบริษัทได้รับอนุญาตให้ทำการซื้อขายจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) แล้ว GDLC ถือคริปโต 5 ชนิด ได้แก่ บิตคอยน์(BTC), อีเธอเรียม(ETH), ริปเปิล(XRP), โซลานา(SOL) และคาร์ดาโน(ADA) โดยนักลงทุนไม่จำเป็นต้องถือโทเคนจริง แต่สามารถลงทุนผ่านดัชนี CoinDesk Large Cap Select Index ได้ ซึ่งกองทุนจะมีการสร้างและไถ่ถอนหน่วยลงทุนวันละ 10,000 หน่วยโดยใช้เงินสดเป็นหลัก
ในฝั่งเอเชีย ริปเปิลเดินเกมรุกผ่านความร่วมมือกับ **แฟรงคลิน เทมเพิลตัน** บริษัทจัดการลงทุนระดับโลก และ **ธนาคาร DBS** ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ โดยสร้างระบบแลกเปลี่ยนอัตโนมัติระหว่าง RLUSD ซึ่งเป็นสเตเบิลคอยน์ของริปเปิล กับ sgBENJI ซึ่งเป็นกองทุนตลาดเงินแบบโทเคน โดยลูกค้าของ DBS ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมสามารถแลกเปลี่ยนระหว่าง RLUSD และ sgBENJI ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้สามารถบริหารความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดได้แบบเรียลไทม์
DBS ยังอยู่ระหว่างพิจารณานำ sgBENJI มาใช้เป็นหลักประกันในการปล่อยกู้ ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญในการขยายการใช้งาน RLUSD ให้เป็นมากกว่าสเตเบิลคอยน์ทั่วไป โดยเปลี่ยนให้มันเป็นโทเคนที่สะท้อนการถือครองสินทรัพย์จริง สำหรับแฟรงคลิน เทมเพิลตัน ปัจจุบันมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารสูงถึงประมาณ 2,224 ล้านล้านวอน หรือราว 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ ความร่วมมือนี้จึงมีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ต่อการเจาะตลาดเอเชียของริปเปิลอย่างมาก
ภาพรวมของความเคลื่อนไหวรอบนี้ แสดงให้เห็นถึงการยกระดับของ XRP ทั้งในแง่การเป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุนระดับสถาบัน การสร้างโครงสร้างตลาดซื้อขายที่เข้มแข็งขึ้น และการผลักดันให้เกิดการใช้งานจริงในตลาดเงิน จึงไม่ใช่เรื่องเกินจริงนัก หากจะมองว่านี่คือจุดเริ่มต้นของเฟสใหม่ในการขยายตลาดของริปเปิลที่เน้น ‘รุก’ มากกว่า ‘รับ’ อีกทั้งการมีส่วนแบ่งใน ETF รุ่นใหม่ ยังส่งสัญญาณเชิงบวกต่อการขยายตัวของผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่อิงกับ XRP ในอนาคตอีกด้วย
ความคิดเห็น 0