สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(UAE) เตรียมนำมาตรฐานสากลด้านการเก็บภาษีคริปโตมาใช้ โดยเมื่อวันที่ 15 รัฐบาลผ่านกระทรวงการคลังของ UAE ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าได้ลงนามในข้อตกลงพหุภาคี (MCAA) ตามกรอบ ‘ระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลภาษีคริปโตอัตโนมัติ (CARF)’ ขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD)
การเข้าร่วมในกรอบนี้จะทำให้ UAE เข้าสู่ ‘ระบบติดตามการเก็บภาษีสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลก’ ที่เน้นการแลกเปลี่ยนข้อมูลภาษีของสินทรัพย์ดิจิทัลโดยอัตโนมัติระหว่างประเทศสมาชิก เพื่อป้องกันการเลี่ยงภาษีและส่งเสริมความโปร่งใสด้านการถือครองและทำธุรกรรมคริปโต
สำหรับกรอบ CARF นั้น กำหนดให้ประเทศที่เข้าร่วมต้องแบ่งปันข้อมูลการทำธุรกรรมและการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลของผู้ใช้ เช่น ยอดคงเหลือในกระเป๋าดิจิทัล ข้อมูลระบุตัวตน และประวัติการถอนโอน ไปยังหน่วยงานภาษีของแต่ละประเทศโดยอัตโนมัติ เพื่อให้สามารถตรวจสอบได้หากมีความผิดปกติในการเสียภาษี ข้อตกลงนี้เริ่มร่างโดย OECD เมื่อปี 2022 และถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือหลักที่ช่วยให้รัฐบาลทั่วโลกสามารถจัดการปัญหาการเลี่ยงภาษีในตลาดคริปโตได้อย่างจริงจัง
กระทรวงการคลังของ UAE ระบุว่ามาตรการนี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้ภายในประเทศตั้งแต่ปี 2027 และจะเริ่มมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลภาษีครั้งแรกในปี 2028 การลงนามครั้งนี้ตอกย้ำบทบาทของ UAE ในฐานะ ‘ศูนย์กลางการเงินระดับภูมิภาค’ ที่ต้องการยกระดับมาตรฐานด้านภาษีคริปโตให้สอดคล้องกับเกณฑ์สากล ความเคลื่อนไหวนี้ถือเป็นสัญญาณสำคัญที่กำลังจะเปลี่ยน ‘แนวโน้มการกำกับดูแลและนโยบายภาษีคริปโต’ ทั่วโลก
ก่อนหน้านี้มีประเทศหลักจำนวนมากเข้าร่วมในข้อตกลง CARF ได้แก่ สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย การที่ UAE ซึ่งเป็นประเทศสำคัญในตะวันออกกลางเข้าร่วมด้วย จึงถือเป็นก้าวสำคัญที่ช่วย ‘เสริมความแข็งแกร่งทางการเงินของภูมิภาค’ พร้อมทั้งสะท้อนถึงเจตนารมณ์ของรัฐในการกำกับดูแลตลาดคริปโตอย่างโปร่งใสยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ Cointelegraph ได้ติดต่อสอบถามกระทรวงการคลังของ UAE เพื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งานระบบ CARF แต่ ‘ยังไม่ได้รับคำตอบจนถึงเวลาที่มีการรายงานข่าวนี้’
ความคิดเห็น 0