เทโซส(XTZ) เร่งย้ายสู่เลเยอร์ 2 หลังค่าธรรมเนียมพุ่ง 324% อีเธอร์ลิงก์ขึ้นแท่นศูนย์กลางธุรกรรม

เมซซารี่ รีเสิร์ช(Messari Research) เปิดเผยรายงานล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์เครือข่ายของเทโซส(Tezos, XTZ) ในไตรมาส 2 ปี 2025 โดยชี้ให้เห็นว่าการใช้งาน ‘อีเธอร์ลิงก์(Etherlink)’ ที่สูงขึ้น กำลังเร่งการเปลี่ยนผ่านโครงสร้างของระบบนิเวศเทโซส จากเลเยอร์ 1 ไปยังเลเยอร์ 2 อย่างชัดเจน รายงานระบุว่า ค่าธรรมเนียมรวมของธุรกรรมเพิ่มขึ้นถึง *324%* เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และ *74%* ของค่าธรรมเนียมทั้งหมดเกิดขึ้นบนอีเธอร์ลิงก์ ซึ่งแสดงถึงการย้ายจุดศูนย์กลางของการใช้งานเครือข่าย

อีเธอร์ลิงก์ ซึ่งเป็นเลเยอร์ 2 ภายในระบบนิเวศของเทโซส ประมวลผลธุรกรรมรวมกว่า *20.5 ล้านรายการ* ในไตรมาสที่ผ่านมา คิดเป็น *64%* ของปริมาณธุรกรรมทั้งหมดในเครือข่าย โดยมีการนำสมาร์ตคอนแทรกต์เข้ามาใช้งานใหม่กว่า *203,000 รายการ* หรือเพิ่มขึ้นถึง *25,102%* จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเมซซารี่ชี้ให้เห็นว่า นี่เป็นสัญญาณชัดเจนว่าอีเธอร์ลิงก์ได้กลายเป็นเลเยอร์ประมวลผลหลัก (execution layer) ในโครงสร้างแบบโมดูลาร์ของเทโซส

ในส่วนของกลไกยูโธคติกโพสสเตกิ้ง(LPoS) เทโซสบันทึกการสเตกโทเคนกว่า *122.7 ล้าน XTZ* เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า *10%* ถึงแม้จำนวนผู้ตรวจสอบเครือข่าย (Public Validator) จะลดลง *7.5%* เหลือ *271 ราย* แต่ระบบโดยรวมยังคงเสถียร พร้อมทั้งมีการปรับกลไกการออกเหรียญแบบเหมาะสม เพื่อรักษาเงินเฟ้อให้น้อยที่สุดและสนับสนุนเป้าหมายการสเตกที่ *50%*

ในมุมของโปรโตคอล ‘ริโอ(Rio)’ ซึ่งเป็นการอัปเกรดที่เปิดใช้งานเมื่อเดือนพฤษภาคม 2025 ถือเป็นหมุดหมายสำคัญ โดยมีการลดรอบเวลาของเครือข่ายจาก 3 วันเหลือ 1 วัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสเตกและยืนยันธุรกรรม อีกทั้งยังมีการจัดสรร *10%* ของค่าตอบแทนให้แก่ผู้ตรวจสอบที่สนับสนุนเลเยอร์สำหรับการใช้ข้อมูล (Data Availability Layer) รวมถึงการปรับเงื่อนไขการระงับสิทธิ์ของเบเกอร์ให้เข้มงวดยิ่งขึ้น เพื่อเร่งการตอบสนองของเครือข่าย เมซซารี่ระบุว่า กลยุทธ์เหล่านี้สะท้อนความพยายามในการเพิ่มทั้ง *ขีดความสามารถของ L2 และประสบการณ์ของนักพัฒนา*

ด้านการพัฒนา มีการเพิ่มการรองรับสถาปัตยกรรมคำสั่ง *RISC-V* อย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการควบคุมและการประเมินแก๊สอย่างแม่นยำ เป็นการเสริมระบบพัฒนาให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในด้านแอปพลิเคชันที่มีความซับซ้อนและต้องการความยืดหยุ่น

กิจกรรมทางการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) บนอีเธอร์ลิงก์ยังคงขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยมูลค่าทรัพย์สินที่ถูกล็อก (TVL) เพิ่มขึ้น *307%* แตะระดับ *41.7 ล้านดอลลาร์* นำโดยโปรโตคอลใหม่อย่าง *อิกัวนาแด็กซ์(IguanaDEX)*, *ซูเปอร์เลนด์(Superlend)* และ *ยูเรเนียม.io(Uranium.io)* ขณะที่ TVL โดยรวมในเครือข่ายเทโซส เพิ่มขึ้น *45.8%* (เมื่อคำนวณเป็น XTZ) และ *22.5%* (เมื่อคำนวณเป็นดอลลาร์)

ในภาคส่วน NFT ตลาด *Objkt* ยังคงเป็นแพลตฟอร์มอันดับหนึ่งของเทโซส ด้วยผู้ใช้งานเฉลี่ยต่อเดือนกว่า *5,560 ราย* ขณะเดียวกัน แพลตฟอร์มใหม่อย่าง *IINK* ก็สามารถบันทึกการมิ้นต์ NFT ได้กว่า *2,000 รายการ* แสดงถึงการตอบรับในเชิงบวกจากผู้ใช้งาน นอกจากนี้ เทโซสยังถูกรวมอยู่ในหลากหลายงานศิลปะระดับโลก ซึ่งตอกย้ำศักยภาพในฐานะบล็อกเชนด้าน NFT

อย่างไรก็ตาม มูลค่าตามราคาตลาดหมุนเวียนของเทโซส ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 ปี 2025 อยู่ที่ *560 ล้านดอลลาร์* ลดลง *17.8%* จากไตรมาสก่อน รายงานให้เหตุผลว่า การลดลงนี้สืบเนื่องจากสภาวะซบเซาของตลาดโดยรวม แต่ในด้านบวก ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นและปริมาณธุรกรรมที่เติบโตอย่างรวดเร็ว แสดงให้เห็นถึง *ความยืดหยุ่นภายในของเครือข่าย* ได้เป็นอย่างดี

ณ ขณะนี้ เทโซสกำลังเดินหน้าตามแผนงาน “*เทโซส X(Tezos X)*” ซึ่งมุ่งเน้นโครงสร้างพื้นฐานแบบ L2 ที่สามารถขยายตัวได้ โดยใช้ *อีเธอร์ลิงก์*, *สมาร์ตรอลอัป* และ *ชั้นความพร้อมของข้อมูล* เป็นแกนหลัก วัตถุประสงค์คือเพื่อสร้างประสบการณ์สำหรับนักพัฒนาระดับคลาวด์ และยกระดับการทำงานร่วมกับระบบอื่น ๆ ให้ดียิ่งขึ้น เมซซารี่ประเมินว่า ด้วยวิสัยทัศน์นี้ เทโซสกำลังเข้าใกล้การเป็นเครือข่ายโมดูลาร์เต็มรูปแบบ ที่ใช้งานได้จริงในเชิงโครงสร้าง ความคิดเห็น: เทโซสเริ่มชูบทบาทของตัวเองในฐานะบล็อกเชนที่พร้อมรองรับอนาคตของ L2 อย่างน่าจับตา