โพลกาดอต(DOT) จำกัดจำนวนเหรียญที่ 2.1 พันล้าน เตรียมลดอัตราออกเหรียญเหลือ 3.3% ภายในปี 2026

โพลกาดอต(DOT) ประกาศปรับโครงสร้างระบบโทเคโนมิกส์ครั้งใหญ่ ด้วยการ *จำกัดจำนวนเหรียญทั้งหมดไว้ที่ 2.1 พันล้านเหรียญ* เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อและรักษาคุณค่าในระยะยาว โดยมีเป้าหมายเพื่อ *เสริมความหายากของ DOT* และกระตุ้นการปรับตัวขึ้นของราคาในอนาคต

โพลกาดอตแจ้งผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียอย่างเป็นทางการว่า ขณะนี้ DOT มีเหรียญหมุนเวียนอยู่ประมาณ 1.6 พันล้านเหรียญ นั่นหมายความว่า จะมีโควต้าเหรียญใหม่ให้สามารถออกได้อีกเพียง 500 ล้านเหรียญ หรือคิดเป็นประมาณ *29% ของจำนวนเหรียญที่มีอยู่ในปัจจุบัน* ซึ่งโควต้าที่เหลือนี้จะถูกทยอยออกสู่ตลาดอย่างค่อยเป็นค่อยไปในระยะเวลา *135 ปีข้างหน้า*

อัตราการออกเหรียญในปัจจุบันอยู่ที่ 7.4% ต่อปี โดยโพลกาดอตมีแผนจะ *ลดอัตรานี้ลงเหลือเพียง 3.3% ภายในเดือนมีนาคม 2026* การลดการออกเหรียญดังกล่าว ช่วยให้ระบบสามารถควบคุมปริมาณเหรียญหมุนเวียนในตลาด ส่งผลให้ *เกิดกลไกรักษาเสถียรภาพราคาได้ดีขึ้น* ตามความเห็นจากชุมชนโพลกาดอต หลายรายเชื่อว่านโยบายใหม่นี้อาจกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันราคาของ DOT ขึ้นได้ในระยะยาว

หลังการประกาศข้อจำกัดนี้ ราคา DOT ปรับตัวสูงขึ้นทันที โดยขยับจาก 3.94 ดอลลาร์ (ประมาณ 5,477 บาท) ไปแตะ 4.06 ดอลลาร์ (ประมาณ 5,643 บาท) และย่อลงเล็กน้อยที่ 4.03 ดอลลาร์ (ประมาณ 5,600 บาท) หรือเพิ่มขึ้นราว *1.1% ภายในหนึ่งวัน* อย่างไรก็ตาม ปริมาณการซื้อขายกลับลดลงประมาณ 40% อยู่ที่ 279.21 ล้านดอลลาร์ (ราว 3,889 ล้านบาท) ซึ่งแสดงให้เห็นว่ายังมีข้อจำกัดเรื่อง *สภาพคล่องในระยะสั้น* แต่ “ความคิดเห็น” จากนักวิเคราะห์หลายรายประเมินว่า DOT อาจมีโอกาสกลับขึ้นไปทดสอบระดับ 6 ดอลลาร์ (ประมาณ 8,340 บาท) ได้ในระยะกลาง

นอกจากนี้ ชุมชนยังจับตามองแผน ‘โพลกาดอต 2.0’ ซึ่งจะเป็นการ *อัปเกรดเชิงเทคนิคเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลสัญญาอัจฉริยะ* พร้อมทั้งรองรับผู้ใช้งานในระบบนิเวศให้มากขึ้น แหล่งข่าวมองว่านี่เป็นการเตรียมความพร้อมรับมือกับคู่แข่งอย่างคาร์ดาโน(ADA) อย่างมีนัยะ โดยสื่อนี้อาจสะท้อนถึงการแข่งขันทางเทคโนโลยีที่เข้มข้นมากขึ้นระหว่างสองเครือข่ายในระยะยาว

การกำหนดเพดานจำนวนเหรียญและการปรับอัตราการออกเหรียญ ถือเป็นสัญญาณว่าโพลกาดอตต้องการสร้าง *โทเคโนมิกส์ที่ยั่งยืนและมีความโปร่งใส* ซึ่งอาจกลายเป็นพื้นฐานสำคัญในการดึงดูดนักลงทุน และ *สร้างแรงขับเคลื่อนด้านราคาอย่างเป็นระบบในอนาคต*