อาเธอร์ เฮย์สชี้ บิตคอยน์(BTC) อาจพุ่งแตะ 250,000 ดอลลาร์ปี 2025 หาก Fed หันมาใช้นโยบายผ่อนคลาย

อาเธอร์ เฮย์ส(Arthur Hayes) อดีตซีอีโอของบิทแม็กซ์(BitMEX) และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุน(CIO) ของเมลสตรอม(Maelstrom) แสดงมุมมอง *เชิงบวกต่อแนวโน้มบิตคอยน์(BTC)* โดยเชื่อว่า *ตลาดขาขึ้นกำลังกลับมาอีกครั้ง* พร้อมคาดการณ์ว่าราคาบิตคอยน์อาจพุ่งทะลุ 250,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 8.9 ล้านบาท) ภายในสิ้นปี 2025 โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักจากนโยบายการเงินของสหรัฐและการขยายสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจ

ในบทความล่าสุดของเฮย์ส เขาเน้นว่า *การลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed)* ควบคู่กับการเพิ่มปริมาณสภาพคล่องโดยกระทรวงการคลัง อาจเป็นตัวกระตุ้นราคาสินทรัพย์ให้พุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงปลายไตรมาส 3 ถึงต้นไตรมาส 4 ของปี 2025 เขามองว่า เมื่อ Fed กลับทิศจากนโยบายคุมเข้ม และรัฐบาลสหรัฐอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ บิตคอยน์จะกลายเป็นสินทรัพย์ที่ได้ *ประโยชน์สูงสุดจากสถานการณ์ดังกล่าว*

เฮย์สยังให้ *ความเห็น* ว่า ปัจจัยทางการเมืองจะมีบทบาทสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อ *ทรัมป์* มีแนวโน้มจะเข้าไปมีอิทธิพลต่อการดำเนินงานของ Fed มากขึ้น หากแต่งตั้งผู้ว่าการที่สอดคล้องกับนโยบายการเงินของเขา ก็อาจนำไปสู่การกลับมาใช้นโยบาย *ผ่อนคลายเชิงปริมาณแบบเข้มข้น (Aggressive Quantitative Easing)* ซึ่งจะเป็นแรงหนุนราคาสินทรัพย์เสี่ยง อย่างบิตคอยน์

เขายังประเมินว่า หากสถานการณ์ตามที่กล่าวเกิดขึ้นจริง ปริมาณสินเชื่อในระบบจะไม่ใช่แค่ระดับช่วงโควิดที่ราว 2.5 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 87.5 ล้านล้านบาท) เท่านั้น แต่สามารถพุ่งไปถึง 15.2 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 521 ล้านล้านบาท) ซึ่งจะกระตุ้นราคาบิตคอยน์ได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยมีสถิติระบุว่า ช่วงโควิดมีความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณสินเชื่อและราคาบิตคอยน์สูงถึง 0.19

นอกจากนี้ เฮย์สยังยกตัวอย่างจาก *กรณีสงครามโลกครั้งที่ 2* ที่รัฐบาลสหรัฐเคยบีบบังคับธนาคารกลางให้ควบคุมอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรเพื่ออัดฉีดเงินสู่ภาคอุตสาหกรรมทหาร หากปรากฏการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกในปัจจุบัน อาจทำให้ Fed ต้องซื้อพันธบัตรระยะสั้นและยาวจำนวนมาก และจำกัดความสามารถในการปรับอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้เกิดนโยบาย *ควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทน (Yield Curve Control)* ซึ่งเป็นภาวะที่บิตคอยน์อาจพุ่งถึงระดับ *3 ล้านดอลลาร์ (ราว 104 ล้านบาท)*

สุดท้าย เฮย์สมุ่งเน้นว่า การลดดอกเบี้ย การเพิ่มปริมาณเงิน การเมืองที่เข้ามาแทรกแซง และบทเรียนจากอดีต ล้วนเป็นปัจจัยร่วมที่สามารถ *ผลักดันราคาบิตคอยน์สู่จุดสูงสุดใหม่* โดยเน้นความสัมพันธ์เชิงสถิติระหว่างการขยายสินเชื่อกับราคาของบิตคอยน์เป็นหลักสำคัญ

ในขณะเดียวกัน ตลาดคริปโตโดยรวมยังคงจับตามองการเปลี่ยนแปลงทางด้านมหภาคอย่างใกล้ชิด ซึ่งหากบทวิเคราะห์ของเฮย์สเป็นจริง ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะลึกซึ้งและเป็นวงกว้างต่อ *ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล* โดยรวม