รัฐบาลตุรกีเตรียมเสนอร่างกฎหมายใหม่ที่ขยายอำนาจของหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของประเทศอย่าง ‘MASAK’ อย่างมีนัยสำคัญ โดยภายใต้กฎหมายนี้ MASAK จะสามารถ *อายัดบัญชีธนาคารและกระเป๋าสินทรัพย์ดิจิทัล* ที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน ฉ้อโกง หรือการพนันผิดกฎหมายได้โดยตรง
มาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อให้ตุรกีเป็นไปตามมาตรฐานของหน่วยงานป้องกันการฟอกเงินระดับโลก หรือ FATF ซึ่งตุรกีพ้นจากรายชื่อประเทศที่ต้องเฝ้าระวัง (Grey List) ของ FATF ไปเมื่อเดือนมิถุนายน 2024 โดยการปรับปรุงกฎหมายนี้ถือเป็นความต่อเนื่องจากข้อกำหนดที่ FATF แนะนำให้ประเทศสมาชิกเข้มงวดกับการควบคุมเงินผิดกฎหมายและเงินทุนสำหรับการก่อการร้าย
หากกฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้จริง MASAK จะมี *อำนาจในการบล็อกกระเป๋าคริปโตที่สงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรม ระงับการใช้โมบายแบงก์กิ้งชั่วคราว และจำกัดการโอนเงินที่มีมูลค่าสูง* โดยเฉพาะบัญชีที่เรียกว่า ‘บัญชีเช่า’ หรือ ‘บัญชีม้า’ ซึ่งพบว่ามักถูกใช้โดยกลุ่มอาชญากรรมในการรับ-ส่งเงินผิดกฎหมาย รวมถึงการพนันออนไลน์ โดยตุรกีได้ระบุว่ารูปแบบอาชญากรรมเหล่านี้กลายเป็นสาเหตุหลักของปัญหาในระบบการเงินภายในประเทศ
แม้การซื้อขายคริปโตในตุรกียังคงไม่ผิดกฎหมาย แต่รัฐบาลก็เริ่ม *เพิ่มความเข้มงวด* อย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่นในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แพลตฟอร์มที่ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาต อย่างเช่น *แพนเค้กสวอป(CAKE)* ก็ถูกสั่งบล็อกการใช้งาน
ตุรกีไม่ใช่ประเทศเดียวที่ดำเนินมาตรการลักษณะนี้ ก่อนหน้านี้ อินเดียได้ *อายัดบัญชีปลอม* กว่า 450,000 บัญชีเนื่องจากพัวพันกับการฟอกเงินและอาชญากรรมไซเบอร์ ในไนจีเรีย ทางการก็ได้สั่งระงับการใช้งานของหลายร้อยบัญชีจากกรณีการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่น่าสงสัย ส่วนเวียดนามเพิ่งระงับบัญชีที่ไม่ผ่านการยืนยันตัวตนด้วยข้อมูลชีวภาพถึง 86 ล้านบัญชีเมื่อกันยายนที่ผ่านมา
ทางด้านไทยก็ได้ดำเนินนโยบายเข้มงวดเช่นกัน โดยในปีนี้มีบัญชีที่ถูกระงับกว่า 3 ล้านบัญชี จำกัดเพดานการโอนรายวันอยู่ที่ 1,300-5,500 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมออกกฎใหม่จำกัดการเปิดบัญชีของชาวต่างชาติ แม้ทางการระบุว่ามาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อลดการหลอกลวงจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์และสกัดกั้นเงินผิดกฎหมายในคริปโต แต่ก็มี *ความคิดเห็น* ว่ามีความเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิทางการเงินของประชาชน
ในกรณีของตุรกี การออกกฎหมายฉบับนี้ถือเป็นความพยายาม *กำกับตลาดการเงินให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล* อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาจากวงการธนาคารและคริปโตอาจตามมา โดยเฉพาะในแง่ของ ‘การคุ้มครองทรัพย์สินของปัจเจกบุคคล’ และเสรีภาพทางการเงิน ซึ่งยังต้องติดตามว่าเมื่อใดกฎหมายนี้จะเริ่มบังคับใช้ และภาคอุตสาหกรรมคริปโตจะมีแนวทางตอบสนองอย่างไรต่อไป
ความคิดเห็น 0