SEC สหรัฐเตรียมชี้ชะตา ETF คริปโต 16 ฉบับ ตุลาคม 2025 อาจเป็นจุดเปลี่ยนตลาด

เดือนตุลาคม 2025 อาจกลายเป็น *จุดเปลี่ยนสำคัญ* ของตลาดคริปโต เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) กำลังเผชิญกับกรอบเวลาตัดสินครั้งสุดท้ายเกี่ยวกับคำขออนุมัติ *กองทุน ETF* มากถึง **16 ฉบับ** ซึ่งแตกต่างจากในอดีตที่ส่วนใหญ่เน้นเฉพาะบิตคอยน์(BTC) และอีเธอเรียม(ETH) เท่านั้น รอบนี้ยังรวมถึงอัลต์คอยน์อย่างโซลานา(SOL), ริปเปิล(XRP), และไลท์คอยน์(LTC) ที่ถูกพิจารณาร่วมด้วย

การตัดสินใจครั้งนี้ ถือเป็นการพิจารณารอบใหม่ที่แตกต่างจากเดิมในหลายมิติ จุดแรกคือ ETF ที่ยื่นขอในรอบนี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะสินทรัพย์หลักอีกต่อไป แต่ขยายไปสู่อัลต์คอยน์หลากหลายตัว แม้โซลานา, XRP, และไลท์คอยน์จะผ่านเกณฑ์ด้านเทคโนโลยีและสภาพคล่องในตลาดมานาน แต่ก็ไม่เคยถูกนำมาใช้ใน ETF มาก่อน นักวิเคราะห์มองว่า นี่คือ ‘สัญญาณ’ ว่า SEC กำลังแสดงท่าที *ผ่อนคลายมากขึ้น* หลังยึดมาตรการเข้มงวดมาอย่างต่อเนื่อง

อีกจุดหนึ่งที่น่าจับตาคือ การวางกลยุทธ์ของบริษัทที่ยื่นขอในครั้งนี้มีความหลากหลายกว่าที่เคย โดยที่ผ่านมา ETF มักยึดกับสินทรัพย์เดียว แต่รอบนี้มีการเสนอรูปแบบใหม่ เช่น กองทุนที่ใช้โมเดล *Staking* หรือเชื่อมโยงกับสินทรัพย์แนว *เมตาเวิร์ส* ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นในระดับสถาบันในสหรัฐ

แม้ภายใน SEC ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างชัดเจน แต่มีสัญญาณการเปิดรับมากขึ้น โดยเฉพาะการที่แกรี เกนส์เลอร์(Gary Gensler) ประธาน SEC ซึ่งเคยประกาศมุมมองว่าเหรียญคริปโตส่วนใหญ่คือ *หลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียน* กำลังแสดงท่าทีเชิงบวกในแง่ของการ *สื่อสารกับภาคอุตสาหกรรม* มากขึ้น การอนุมัติ ETF แม้เพียงบางส่วน ก็อาจกลายเป็น *ตัวเร่งสำคัญของตลาด*

หากท้ายที่สุด ETF หลายรายการได้รับไฟเขียวจาก SEC จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของสภาพแวดล้อมการลงทุนในตลาดสหรัฐ *กองทุนจากสถาบัน* จะสามารถเข้าสู่ตลาดได้มากขึ้น เพิ่ม *สภาพคล่อง* และสนับสนุนการสร้างกลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลาย ซึ่งจะส่งผลดีต่อ *เสถียรภาพของตลาดระยะยาว* และเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยได้ประโยชน์จาก *การบริหารโดยผู้เชี่ยวชาญ* รวมถึงลดความเสี่ยงผ่านการกระจายเงินลงทุนในอัลต์คอยน์มากขึ้น

เดือนตุลาคม 2025 จึงอาจไม่ใช่แค่เพียงเส้นตายของรอบการพิจารณา ETF เท่านั้น แต่เป็น *จุดเปลี่ยนแห่งการผลักดันตลาดคริปโตสู่ระบบที่เป็นทางการมากขึ้น* สายตาของทั้งอุตสาหกรรมจึงจับจ้องไปที่ท่าทีของ SEC และการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายภายใต้รัฐบาลของทรัมป์ว่าจะมีผลต่อมุมมองของหน่วยงานกำกับดูแลอย่างไรต่อไป