สหรัฐฯ ยึดคริปโตมูลค่า 31 ล้านดอลลาร์จากคดีแฮ็กยูเรเนียม ไฟแนนซ์ ปี 2021

ทางการสหรัฐฯ ได้ยึดทรัพย์สินดิจิทัลมูลค่า 31 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุแฮ็ก ‘ยูเรเนียม ไฟแนนซ์(Uranium Finance)’ ในปี 2021

เมื่อวันที่ 24 อัยการเขตนิวยอร์กตอนใต้ร่วมกับสำนักงานความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ(HSI) สาขาซานดิเอโก ได้เปิดเผยผลการสอบสวนกรณีดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ทางการยังไม่ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับตัวตนของแฮ็กเกอร์ แต่ได้ประกาศให้เหยื่อที่ได้รับผลกระทบติดต่อกลับมา

ยูเรเนียม ไฟแนนซ์ เป็นโครงการการเงินแบบไร้ศูนย์กลาง(DeFi) ที่สร้างบนบีเอ็นบีเชน(BNB Chain) และเป็นโค้ดฟอร์กจาก ‘ยูนิสวอป(Uniswap)’ ซึ่งเป็นโปรโตคอลผู้ดูแลสภาพคล่องอัตโนมัติ(AMM) ของอีเธอเรียม(ETH) โครงการเริ่มให้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2021 แต่หลังจากถูกแฮ็กครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 28 เมษายน เว็บทางการของโครงการก็ถูกปิดลง และบัญชี X (เดิมคือทวิตเตอร์) ของโครงการก็หยุดอัปเดตตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน

มีการตั้งข้อสังเกตในชุมชนว่า อาจมีผู้เกี่ยวข้องภายในมีส่วนร่วมในแฮ็กครั้งนั้น เหตุการณ์นี้เกิดจากช่องโหว่ในสมาร์ตคอนแทร็กต์เวอร์ชันที่สองของโครงการ ซึ่งทำให้แฮ็กเกอร์สามารถใช้ข้อผิดพลาดทางโค้ดเพื่อเพิ่มยอดคงเหลือในระบบอย่างไม่ถูกต้อง ก่อนจะถอนเงินออกไปเป็นมูลค่าประมาณ 50 ล้านดอลลาร์ ในจำนวนนี้ประกอบด้วย บีเอ็นบี(BNB) และ ไบแนนซ์ยูเอสดี(BUSD) มูลค่าราว 36.8 ล้านดอลลาร์ 80 บิตคอยน์(BTC) 1,800 อีเธอเรียม(ETH) 26,500 โพลกาดอท(DOT) 5.7 ล้านเทเธอร์(USDT) 638,000 คาร์ดาโน(ADA) และ 112,000 ยูเรเนียม โทเค็น(U92)

แฮ็กเกอร์ได้แปลงโพลกาดอทและคาร์ดาโนเป็นอีเธอเรียม ก่อนนำเงินไปฟอกผ่าน ‘โทนาโดแคช(Tornado Cash)’ ซึ่งเป็นบริการมิกเซอร์สำหรับทรัพย์สินดิจิทัล จากนั้นบางส่วนของเงินที่ถูกแฮ็กก็นำไปยังแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตที่ควบคุมโดยศูนย์กลาง

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ยูเรเนียม ไฟแนนซ์ถูกโจมตี ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2021 ช่องโหว่ในเวอร์ชันแรกของสมาร์ตคอนแทร็กต์ เคยนำไปสู่การแฮ็กมูลค่า 1.3 ล้านดอลลาร์ แม้ว่าทีมพัฒนาได้อัปเกรดเป็นเวอร์ชันที่สองเพื่อเสริมความปลอดภัย แต่เพียง 12 วันให้หลัง กลับเกิดเหตุแฮ็กครั้งใหญ่อีกครั้ง จนนำไปสู่การยุติโครงการ

การเข้ายึดทรัพย์ครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงแนวทางที่เข้มงวดของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของสหรัฐฯ ในการจัดการกับอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล อุตสาหกรรมคริปโตเริ่มคาดการณ์ว่า มาตรการปราบปรามการกระทำผิดในภาคนี้จะถูกยกระดับมากขึ้นในอนาคต