การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำลังกลายเป็น ‘อุปสรรคสำคัญ’ ต่อความร่วมมือด้านกฎระเบียบคริปโตข้ามพรมแดน โดยคณะกรรมการเสถียรภาพการเงินหรือ FSB ซึ่งเป็นหน่วยงานเฝ้าระวังภายใต้ธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) ชี้ว่า ข้อกฎหมายด้านความเป็นส่วนตัวกำลังจำกัดกระบวนการกำกับดูแล **บิตคอยน์(BTC)**, สเตเบิลคอยน์ และสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลกอย่างมีนัยสำคัญ
เมื่อเร็ว ๆ นี้ FSB ได้เผยแพร่รายงานฉบับเพียร์รีวิวความยาว 107 หน้า โดยระบุว่ากรอบการกำกับดูแลคริปโตของแต่ละประเทศยัง ‘กระจัดกระจาย’ ไม่มีความสอดคล้องกัน ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาการเก็งกำไรจากช่องโหว่ของกฎหมาย (regulatory arbitrage), ช่องว่างของข้อมูล และการแบ่งแยกของตลาด
ตามรายงานของ FSB ปัจจัยหลักที่ทำให้ความร่วมมือระหว่างประเทศไม่คืบหน้าคือ *กฎหมายคุ้มครองข้อมูล* ที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ ทั้งในมุมมองด้านหน่วยงานที่ดูแล ไปจนถึงแนวทางการปฏิบัติ โดยเฉพาะข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งทำให้ไม่สามารถแบ่งปันข้อมูลข้ามประเทศได้อย่างราบรื่น
ทาง FSB ระบุว่า “*หลักการไม่เปิดเผยข้อมูล* อาจเป็นอุปสรรคอย่างมากต่อการระบุความเสี่ยงเชิงระบบและการกำกับดูแลธุรกรรมดิจิทัลข้ามชาติ” พร้อมทั้งชี้ว่าในบางประเทศ บริษัทจำเป็นต้องปฏิเสธการแบ่งปันข้อมูลกับหน่วยงานต่างประเทศเพราะถูกจำกัดตามกฎหมายในประเทศ
กังวลอีกประการหนึ่งคือ *ข้อมูลสำคัญที่อาจรั่วไหล* รวมถึงการที่ฝ่ายตรงข้ามไม่มีพันธะว่าจะร่วมมืออย่างเต็มที่ ส่งผลให้ภาคธุรกิจมีแนวโน้มลังเลที่จะเปิดเผยข้อมูลให้กับหน่วยงานกำกับดูแลในต่างประเทศ
จากการประเมินของ FSB สิ่งเหล่านี้เน้นย้ำว่าหากสังคมนานาชาติต้องการรวมคริปโตเข้าสู่ระบบการเงินอย่างถูกต้องและสร้างความมั่นคง จำเป็นต้อง *เร่งปรับปรุงกฎหมายเพื่อขจัดอุปสรรคในการแบ่งปันข้อมูลและพัฒนากรอบความร่วมมือระหว่างประเทศ*
FSB เตือนว่าหากรัฐบาลแต่ละประเทศไม่ดำเนินการเพื่อ *เสริมสร้างระบบแบ่งปันข้อมูลและผ่อนคลายข้อจำกัดของกฎหมายความเป็นส่วนตัว* การกำกับดูแลคริปโตในระดับโลกอย่างมีประสิทธิภาพจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้
ความคิดเห็น 0