ข่าว 
ข้อมูลเหรียญ 
แนะนำสื่อ 
นักลงทุนรายใหญ่ผู้ถือครอง *บิตคอยน์(BTC)* จำนวนมาก เริ่มหันกลับเข้าสู่ตลาดการเงินดั้งเดิมอีกครั้ง โดยไม่จำเป็นต้องขายเหรียญเพื่อรับผลประโยชน์จากตลาด ราคายังคงอยู่ในมือ ขณะที่พวกเขาเลือกใช้ *ETF แบบสปอต* เพื่อคงสภาพการเปิดรับบิตคอยน์แทน ซึ่ง *แบล็คร็อก(BLK)* เองก็กำลังสนับสนุนแนวโน้มนี้อย่างแข็งขัน
เมื่อวันที่ 24 ตามรายงานของ Bloomberg เอริก บัลชูนาส(Eric Balchunas) นักวิเคราะห์ด้าน ETF เปิดเผยว่านักลงทุนบางรายกำลังใช้วิธีแลกเปลี่ยนสินทรัพย์แบบเฉพาะเจาะจงที่เรียกว่า *In-kind exchange* เพื่อโอนบิตคอยน์ไปยัง ETF ของแบล็คร็อกอย่าง IBIT โดยไม่ต้องเปลี่ยนเป็นเงินสด วิธีการนี้จึงช่วย ‘หลีกเลี่ยงภาษี’ ได้ และกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนรายใหญ่
รายงานระบุว่า *แบล็คร็อก* ได้สนับสนุนการแปลงสินทรัพย์ในลักษณะนี้แล้วกว่า *3 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4.17 แสนล้านวอน)* ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของ ETF ในแวดวงคริปโต
ร็อบบี มิตชนิก(Robbie Mitchnick) หัวหน้าฝ่ายสินทรัพย์ดิจิทัลของแบล็คร็อกให้ความเห็นว่า "ความสะดวกในการนำสินทรัพย์เข้าสู่ระบบการเงินกระแสหลัก กำลังทำให้ผู้ถือบิตคอยน์เริ่มหันมามองเห็นประสิทธิภาพของตลาดดั้งเดิม" โดยเขาระบุว่า แนวโน้มนี้ช่วยเพิ่มการเข้าถึงบริการจัดการสินทรัพย์ขั้นสูง ไม่ว่าเป็นการส่งต่อทรัพย์สิน หรือใช้เป็นหลักประกันเงินกู้
เวส เกรย์(Wes Gray) ซีอีโอของ Alpha Architect กล่าวในทำนองเดียวกันว่า "ตลาดการเงินดั้งเดิมได้พัฒนาความเชื่อมโยง ความปลอดภัย และการเข้าถึงมาแล้วกว่า 100 ปี นักลงทุนบิตคอยน์เริ่มตระหนักถึงคุณค่านี้"
สิ่งที่ผลักดันให้ภาพรวมนี้เกิดขึ้นได้ คือการที่หน่วยงานกำกับดูแลตลาดสหรัฐอนุญาต ‘การสร้างแบบ In-kind’ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสามารถเปลี่ยนบิตคอยน์เป็นหน่วย ETF ได้โดยตรง และหลีกเลี่ยง เหตุการณ์ที่ต้องเสียภาษี *(Taxable event)* ผ่านกลไกนี้ บิตคอยน์สามารถกลายเป็นสินทรัพย์ในพอร์ตหุ้น ซึ่งสามารถใช้ร่วมกับบริการทางการเงินดั้งเดิมได้สะดวกยิ่งขึ้น
การเปลี่ยนแปลงนี้ยังสะท้อนชัดในตลาด ETF บิตคอยน์สหรัฐ หลังจากที่เผชิญกับการไหลออกติดกันหลายวัน ETF แบบสปอตได้กลับมาแข็งแกร่ง โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา มียอดเงินไหลเข้าสุทธิ *475 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 6.6 พันล้านบาท)* ภายในวันเดียว
แบล็คร็อกเป็นผู้นำด้วยกองทุน IBIT ที่มีเม็ดเงินไหลเข้าสูงถึง *209 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.9 พันล้านบาท)* ส่วน ARKB ของ ARK อินเวสต์ครองอันดับสองที่ *163 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.2 พันล้านบาท)* ขณะที่ฟิเดลิตี้, บิตไวส์ และแวนเอค ก็ตามเข้ามาด้วยยอดเล็กน้อย
เอริก บัลชูนาส ระบุเพิ่มเติมว่า ขณะนี้มีผลิตภัณฑ์ ETF ที่เกี่ยวข้องกับคริปโต (ETP) จำนวน 155 รายการ ซึ่งติดตามสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมด 35 รูปแบบ และคาดการณ์ว่าอาจมีมากกว่า 200 รายการภายในปีหน้า เขาเปรียบเทียบการแข่งขันในตลาดนี้ว่าเป็นเหมือนการแย่งชิงพื้นที่ *“Land Grab”*
‘*บิตคอยน์เกิดขึ้นเพื่อท้าทายระบบการเงินดั้งเดิม แต่กลับกลายเป็นว่าผู้ถือครองรายใหญ่ที่สุดกำลังกลับสู่ระบบนั้นอีกครั้ง*’ สถานการณ์นี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ระบบนิเวศของการลงทุนในบิตคอยน์ กำลังก้าวสู่ช่วงใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยแรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากการปรับตัวเชิงกลยุทธ์ของนักลงทุนรายใหญ่ที่ให้ความสำคัญกับ *ความสะดวก, ปลอดภัย, และประสิทธิภาพทางภาษี* จาก TradFi
ความคิดเห็น 0