บิตคอยน์(BTC) เข้าสู่ยุคเซตตาแฮชครั้งแรก แรงขุดทะลุ 1.1 ZH/s หนุนความปลอดภัยและราคา

เครือข่ายบิตคอยน์(BTC) ได้ก้าวเข้าสู่ ‘ยุคเซตตาแฮช(Zetahash)’ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ หลังจากค่าแฮชเรตทะลุระดับ 1.1 เซตตาแฮชต่อวินาที (ZH/s) ถือเป็นพลังการประมวลผลที่สูงที่สุดตั้งแต่มีการขุดบิตคอยน์ เริ่มต้นในปี 2009 ซึ่ง ‘เซตตาแฮช’ คือหน่วยที่มีเลขศูนย์ตามหลังหนึ่งถึง 21 ตัว การเข้าสู่ระดับนี้สะท้อนถึงการเติบโตแบบก้าวกระโดดของเครือข่ายบิตคอยน์ทั้งในด้านเทคโนโลยีและความปลอดภัย

จู กี-ยอง ซีอีโอของบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลคริปโตเคอร์เรนซี ‘คริปโตควอนต์(CryptoQuant)’ แสดงความคิดเห็นว่า “ถึงเวลาแล้วที่งบประมาณความปลอดภัยของบิตคอยน์จะต้องวัดในหน่วย ‘เซตตา’ แทนที่จะเป็น ‘เอกซา’” เขาได้แชร์กราฟแนวโน้มของแฮชเรตในระยะยาว ซึ่งชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเส้นโค้งของแฮชเรตที่เริ่มเดินทางแบบเอ็กซ์โพเนนเชียลตั้งแต่ปี 2018 กำลังเปลี่ยนเป็นเส้นตรงที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงปี 2025

แม้ต้นทุนพลังงานทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น ประกอบกับกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้น แต่แฮชเรตที่พุ่งขึ้นนี้ชี้ให้เห็นว่าผู้ขุดรุ่นใหม่ยังคงเดินเครื่องอย่างต่อเนื่อง ยิ่งมีเครื่องขุดเข้าร่วมในเครือข่ายมากเท่าใด ‘ความแข็งแกร่งของระบบความปลอดภัย’ ของบิตคอยน์ยิ่งเพิ่มขึ้น เพราะการโจมตีหรือลองเปลี่ยนแปลงธุรกรรมในเครือข่ายจะยิ่งเป็นไปได้ยากมากขึ้น

การเข้าสู่ยุคเซตตาแฮชของบิตคอยน์ไม่ใช่แค่เรื่องทางเทคนิค แต่ยังส่งแรงสะเทือนถึงด้านราคา ปัจจุบันเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 สัปดาห์ของบิตคอยน์ได้พุ่งทะลุ 54,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 7.5 ล้านบาท) ซึ่งเคยถูกมองว่าเป็น ‘ระดับความฝัน’ ของตลาดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นั่นหมายความว่าระดับราคานี้ได้กลายเป็น ‘แนวรับ’ ที่สำคัญสำหรับนักลงทุนสถาบันและผู้ถือครองระยะยาว

วงการคริปโตประเมินว่า ความแข็งแกร่งของเครือข่ายที่เพิ่มขึ้นนี้สามารถช่วยเสริมมูลค่าในระยะยาวของบิตคอยน์ได้อย่างมีนัยสำคัญ เพราะแฮชเรตที่สูงขึ้นย่อมสะท้อนถึงทั้ง ‘ความปลอดภัย’ และ ‘ความหายาก’ ของสินทรัพย์นี้ การที่นักขุดทั่วโลกยังคงทุ่มเททั้งทุนและพลังงานให้กับระบบนิเวศของบิตคอยน์ เป็นสิ่งที่ยืนยันได้อย่างชัดเจนว่า บิตคอยน์ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มี ‘ความยั่งยืน’ และยังคงถูกใช้งานอย่างต่อเนื่องในระดับโลก