บิตคอยน์(BTC) เผชิญกับความผันผวนครั้งใหญ่หลังจากราคาพุ่งทะลุ 114,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 15.84 ล้านบาท) และร่วงลงต่อเนื่อง ล่าสุดซื้อขายอยู่ที่ระดับ 108,365 ดอลลาร์ (ประมาณ 15.05 ล้านบาท) โดยยังเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงแนวต้านและแนวรับทางจิตวิทยา สะท้อนถึงการพยายามหาทิศทางอย่างไม่แน่นอนในระยะสั้น
ความผิดหวังนี้ส่งผลรุนแรงต่อบรรดานักลงทุนระยะสั้น โดยข้อมูลจากแพลตฟอร์มข้อมูลตลาดคริปโต CoinGlass ระบุว่า มีตำแหน่งเลเวอเรจที่ถูกล้างออกจากตลาดรวมมูลค่า 748 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.03 หมื่นล้านบาท) ซึ่งมาจากบิตคอยน์กว่า 317 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4.4 พันล้านบาท) โดยมูลค่าการล้างตำแหน่งฝั่ง Long อยู่ที่ 171 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.38 พันล้านบาท) และฝั่ง Short อยู่ที่ 145 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2 พันล้านบาท) แสดงให้เห็นว่า *ทั้งสองทิศทางต่างได้รับผลกระทบจากความผันผวน* อย่างชัดเจน
ท่ามกลางภาวะตลาดที่ปั่นป่วน มีเสียงจากนักลงทุนที่น่าจับตามองอย่าง *ปีเตอร์ แบรนต์(Peter Brandt)* ซึ่งได้ออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย โดยระบุว่า หากบิตคอยน์ปรับขึ้นก็พร้อมถือฝั่ง Long แต่หากราคาลดลงก็พร้อมเข้าสู่ฝั่ง Short สะท้อนกลยุทธ์เน้น ‘การปรับตัวตามทิศทาง’ แทนที่จะคาดการณ์อย่างตายตัว
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์บางรายเชื่อว่า ราคาบิตคอยน์กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในโครงสร้างแบบ *Descending Structure* หรือโครงสร้างลักษณะลง ที่อาจเป็น *สัญญาณของการกลับตัว* ในเชิงเทคนิค ถึงกระนั้น ความไม่แน่นอนยังคงอยู่สูง ทำให้จำเป็นต้องบริหารความเสี่ยงอย่างระมัดระวัง
ระดับราคาที่ถูกจับตามองในฐานะ *จุดเปลี่ยนสำคัญ* ของตลาดได้แก่ 102,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 14.18 ล้านบาท) และ 120,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 16.68 ล้านบาท) ซึ่งอาจกลายเป็นแนวรับหรือแนวต้านที่ใช้ตัดสินทิศทางของตลาดในระยะสั้น
เมื่อรวมความ *ผันผวนระดับสูง* กับความเสี่ยงจากปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคระดับโลก ทำให้ตลาดคริปโตอยู่ในภาวะตึงเครียดอย่างไม่เคยมีมาก่อน นักลงทุนทั้งมือใหม่และมือเก่า ต่างต้องอาศัยทักษะการวิเคราะห์ข้อมูลที่เฉียบคมและการจัดการพอร์ตแบบตั้งรับอย่างรัดกุมมากกว่าที่เคย
ความคิดเห็น 0