ไฮเปอร์ลิควิด(HYPE) นำเทรนด์! กลุ่มคริปโตทุ่มซื้อคืนโทเคนทะลุ 1.4 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025

ในปี 2025 โครงการคริปโตทั้งหมด 28 แห่งได้ใช้กลยุทธ์ ‘ไบแบ็ค’ หรือการซื้อคืนโทเคนจากตลาดอย่างจริงจัง โดยยอดรวมของการซื้อคืนเหล่านี้ทะลุ 1.4 พันล้านดอลลาร์ (ราว 19,460 ล้านบาท) ซึ่ง *ไฮเปอร์ลิควิด(HYPE)* เพียงรายเดียวก็ทุ่มเงินสูงถึง 644 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 8,962 ล้านบาท) คิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของยอดทั้งหมด

จากรายงานล่าสุดของ *CoinGecko* เมื่อวันที่ 24 พบว่าโครงการเหล่านี้ไม่ได้มองการไบแบ็คเป็นเพียงวิธีพยุงราคา แต่ใช้เป็น ‘กลยุทธ์ระยะยาว’ เพื่อลดจำนวนโทเคนในตลาดซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าในอนาคต *ไฮเปอร์ลิควิด* ยังถูกยกให้เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของ DEX ประเภทอนุพันธ์ ที่ทำการไบแบ็คในสเกลที่ใหญ่ที่สุดในตลาดจนกลายเป็นหัวหอกในวงการ

*เลเยอร์ซีโร่(ZRO)* โดดเด่นในฐานะโปรโตคอลด้านการสื่อสารแบบครอสเชน โดยภายในเวลาไม่ถึง 10 เดือนหลังการแจกแอร์ดรอป ก็สามารถซื้อคืนโทเคนได้สูงถึง 150 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2,085 ล้านบาท) ขณะที่ *ปั๊มป์ฟัน(PUMP)* ซึ่งเป็นโครงการมีมคอยน์ ได้ใช้เม็ดเงินกว่า 138 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,918 ล้านบาท) เพื่อซื้อคืน 3% ของโทเคนทั้งระบบ กลายเป็นระดับสูงสุดในกลุ่มเหรียญมีม

อีกความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจคือกรณีของ *GMX* แม้จะอยู่ในอันดับที่ 11 ของการจัดอันดับรวม แต่ได้ทำการซื้อคืนสูงถึง 13% ของโทเคนหมุนเวียนพร้อมนำไปแจกจ่ายกลับเข้าสู่ชุมชน ถือเป็นกลยุทธ์ที่แตกต่างอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับโปรเจกต์อื่นๆ ด้าน DEX บนเครือข่ายโซลานา(SOL) อย่าง *เรเดียม(RAY)* และ *จูปิเตอร์(JUP)* ก็ต่างจัดสรรงบรวมกว่า 160 ล้านดอลลาร์ (ราว 2,224 ล้านบาท) เพื่อซื้อคืนโทเคนจำนวนมาก

ผู้เชี่ยวชาญคริปโตหลายรายมองว่า แนวโน้มการซื้อคืนที่กำลังขยายวงนี้ไม่ใช่แค่การสร้างแรงกระตุ้นระยะสั้น แต่เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์จัดการระบบนิเวศในระยะยาว กรณีล่าสุดคือ *กาย ยัง(Guy Young)* ผู้ก่อตั้งโปรโตคอลเหรียญเสถียรบนเครือข่ายอีเธอเรียม(ETH) อย่าง *เอเทนา(ENA)* ได้ซื้อคืนโทเคนมูลค่า 25 ล้านดอลลาร์ (ราว 348 ล้านบาท) ซึ่งกลายเป็นแรงหนุนสำคัญที่ช่วยดันราคา

ข้อดีชัดเจนที่สุดของการไบแบ็คคือการลดปริมาณเหรียญหมุนเวียน ซึ่งเพิ่มความ ‘หายาก’ ของสินทรัพย์ ส่งเสริมความเชื่อมั่นจากตลาด และสร้างแรงกดดันเชิงบวกต่อราคาของโทเคนในระยะยาว โดยเฉพาะภายใต้สภาวะตลาดที่มีความผันผวน การที่โครงการลงทุนซื้อคืนด้วยตัวเอง มักถูกตีความว่าเป็น ‘สัญญาณแห่งความเชื่อมั่นและความมุ่งมั่น’ ต่อตลาดจากทางทีมพัฒนาเอง