บิตคอยน์(BTC)ร่วงสะเทือนทั้งตลาด คาดการณ์แรงกระเพื่อมสู่อีเธอเรียม(ETH)และริปเปิล(XRP)

การร่วงลงของบิตคอยน์(BTC)ไม่เพียงเป็นการลดลงของมูลค่าสินทรัพย์เดี่ยวเท่านั้น แต่ยังส่งผลสะเทือนเป็นลูกโซ่ต่อทั้งตลาดคริปโต โดยราคาของอัลท์คอยน์สำคัญอย่างอีเธอเรียม(ETH)และริปเปิล(XRP)ก็มักจะร่วงตามไปด้วย นี่คือ ‘แรงกระเพื่อม’ ที่สะท้อนถึงบทบาทของบิตคอยน์ในฐานะสินทรัพย์หลักของตลาด

เช่นเดียวกับที่ตลาดการเงินดั้งเดิม หากบริษัทขนาดใหญ่ประสบปัญหา ย่อมสร้างผลกระทบต่อธุรกิจขนาดเล็กที่เชื่อมโยงในระบบนิเวศเดียวกัน ในตลาดคริปโต ‘บิตคอยน์’ ก็ทำหน้าที่คล้ายกัน เมื่อราคาบิตคอยน์ร่วง นักลงทุนจะขาดความเชื่อมั่นและถอนทุนออกจากทั้งตลาด ส่งผลให้อัลท์คอยน์แบบ ‘ยกแผง’ ร่วงไปด้วย

กรณีศึกษาเด่น คือเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2025 หลังสหรัฐประกาศมาตรการภาษีนำเข้าชุดใหม่ ราคาบิตคอยน์เผชิญแรงเทขายมหาศาลและร่วงลงอย่างรวดเร็ว อีเธอเรียมและริปเปิลก็ปรับตัวลงตามไปติดๆ บริษัทวิจัยคริปโต ‘Coin Metrics’ เปิดเผยว่าสัดส่วนความสัมพันธ์ (Correlation) ระหว่าง BTC กับ ETH ขยับจาก 0.69 ขึ้นเป็น 0.73 และ BTC กับ XRP จาก 0.75 เป็น 0.77 ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่านักลงทุนมองสินทรัพย์คริปโตทั้งหมดเป็นกลุ่มเสี่ยงเดียวกัน มากกว่าการแยกตามคุณสมบัติเฉพาะของแต่ละเหรียญ

‘ความคิดเห็น’ ที่น่าสนใจคือ แม้อีเธอเรียมจะมียอดธุรกรรมสูง หรือริปเปิลจะมีการใช้งานในภาคองค์กร แต่จุดแข็งเหล่านี้ไม่สามารถป้องกันการร่วงตามตลาดได้ ความเชื่อมโยงกับบิตคอยน์ในระดับสูงยังแปลว่า จุดเปราะของ BTC จะกลายเป็นจุดเปราะของทั้งตลาดไปด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้

ด้วยเหตุนี้ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้นักลงทุนติดตามตัวชี้วัดจำพวก ‘สัดส่วนความสัมพันธ์’ และ ‘เบต้า’ (Beta – ตัวชี้ความอ่อนไหวต่อการเคลื่อนไหวของตลาด) ระหว่างบิตคอยน์และอัลท์คอยน์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อคาดการณ์ผลกระทบจากความผันผวน รวมถึงเตรียมกลยุทธ์ตอบสนองไม่ว่าจะเป็นการ ‘ป้องกันความเสี่ยงด้วยอนุพันธ์’, การปรับพอร์ตไปยังสเตเบิลคอยน์ หรือการถือสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนแบบดอกเบี้ย

หากในอนาคต บิตคอยน์เสื่อมอิทธิพล หรือเกิดการร่วงลงมากกว่า 50% ก็อาจกลายเป็น ‘บททดสอบใหม่’ ที่จะชี้ชะตาว่า อีเธอเรียมและริปเปิลสามารถแยกตัวได้หรือไม่ หรือท้ายที่สุดแล้ว ตลาดจะยังหนีไม่พ้นโครงสร้าง ‘ความเสี่ยงรวมศูนย์’ ที่ยึดโยงกับบิตคอยน์เหมือนเดิม