บริษัทการเงินยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นอย่าง SBI โฮลดิงส์ ได้แสดงจุดยืนสนับสนุนการเติบโตของริปเปิล(XRP) อย่างแข็งขัน โดยผ่านทางบริษัทลูก SBI ริปเปิล เอเชีย ที่สนับสนุนระบบนิเวศของริปเปิลมาอย่างยาวนาน ล่าสุด SBI ได้เข้าลงทุนในระดับใหญ่ มูลค่า 30,000 ล้านเยน (ประมาณ 2 หมื่นล้านเยน) เพื่อเข้าถือหุ้นจำนวน 20% ของบริษัทเอเวอร์นอร์ธ(Evernorth) ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจบนเครือข่ายของริปเปิล สร้างความสนใจใหม่ต่อ XRP ในตลาดคริปโต
โยชิทากะ คิตาโอะ ประธาน SBI เปิดเผยผ่านทาง X (Twitter) เกี่ยวกับการลงทุนครั้งนี้ พร้อมแสดงความคาดหวังต่อกลยุทธ์การถือครองและใช้ประโยชน์จาก XRP ของเอเวอร์นอร์ธ โดยเอเวอร์นอร์ธเพิ่งระดมทุนจากริปเปิล, ริปเปิลเวิร์กส์, แพนเทร่า, คราเคน และ GSR เมื่อช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และประกาศแผนควบรวมกับบริษัท SPAC ที่ชื่อว่าอาร์มาดา เพื่อระดมทุนเพิ่มเติมถึง 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.4 แสนล้านเยน) ทำให้บริษัทนี้กลายเป็นหน่วยงานเอกชนที่ถือ XRP รายใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีแนวทางการลงทุนที่เน้นการซื้อสะสมและสร้างรายได้จาก XRP
ช่วงจังหวะการลงทุนของ SBI ยังเกิดขึ้นใกล้เคียงกับการเปิดตัวกองทุน ETF แบบสปอตของริปเปิลในสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรก โดยกองทุนนี้มีชื่อว่า ‘XRPC’ ได้จดทะเบียนบนตลาดแนสแด็กผ่านบริษัทคานารี แคปิตอล และถือเป็น ETF ตัวแรกที่มี XRP เป็นสินทรัพย์เพียงอย่างเดียวภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์สหรัฐ มาตรา 33 การอนุมัติผ่านขั้นตอน ‘ใช้งานโดยอัตโนมัติ’ ทำให้เกิดการอนุมัติที่รวดเร็วจนน่าประหลาดใจ
XRPC เริ่มทำการซื้อขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 14 พฤศจิกายน โดยในวันดังกล่าว XRP พุ่งขึ้น 5% จาก 2.38 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 2.52 ดอลลาร์ ขณะที่ปริมาณซื้อขายเพิ่มขึ้น 44% แตะ 5.9 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 7.8 ล้านล้านเยน) ETF ตัวนี้ ‘คาดว่า’ จะดึงดูดเงินทุนจากนักลงทุนสถาบันได้อย่างมีนัยสำคัญ และอาจทำให้เกิดแนวโน้มคล้ายกับ ETF ของบิตคอยน์(BTC) และอีเธอเรียม(ETH) ที่เปิดตัวมาก่อนหน้า
ในขณะที่อุตสาหกรรมการเงินแบบดั้งเดิมเริ่มเปิดรับ XRP มากขึ้น การเคลื่อนไหวเชิงรุกของ SBI อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนใหม่ในการขยายระบบนิเวศของริปเปิล ‘ความคิดเห็น’ การเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบทั่วโลกอาจเปิดทางให้การออก ETF และโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับ XRP เติบโตต่อไป โดยเพิ่มแรงขับเคลื่อนเชิงบวกให้กับตลาดคริปโตในระยะยาว
ความคิดเห็น 0