ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศให้ บิตคอยน์(BTC), อีเธอเรียม(ETH), โซลานา(SOL), คาร์ดาโน(ADA) และ ริปเปิล(XRP) เป็นส่วนหนึ่งของ ‘กองทุนสำรองสินทรัพย์ดิจิทัล’ ของสหรัฐฯ ข่าวนี้ส่งผลให้ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อวันที่ 2 มีนาคม ทรัมป์โพสต์ผ่าน Truth Social ว่า "การจัดตั้งกองทุนสำรองสินทรัพย์ดิจิทัลของสหรัฐฯ เป็นมาตรการสำคัญในการต้านทานนโยบายทำลายล้างของรัฐบาลไบเดน และช่วยฟื้นฟูอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตนี้" เดิมทีในประกาศแรกมีเพียงคริปโตบางตัว แต่ภายหลังมีการแก้ไขให้ บิตคอยน์ และ อีเธอเรียม เป็น ‘สินทรัพย์หลัก’ ในกองทุนสำรองดังกล่าว
หลังจากประกาศออกมา ราคาคริปโตพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว คาร์ดาโน(ADA) ทะยานขึ้น 36% บิตคอยน์แตะ 94,000 ดอลลาร์ ริปเปิล(XRP) พุ่งขึ้นกว่า 24% และ โซลานา(SOL) ซึ่งก่อนหน้านี้ร่วงลงไปที่ 125 ดอลลาร์ ก็กลับขึ้นมาแตะ 175 ดอลลาร์ ขณะที่ อีเธอเรียม(ETH) ปรับขึ้นกว่า 11% โดยรวมเกิดแรงซื้อในตลาดอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากนี้ จำนวน ‘ที่อยู่กระเป๋าเงิน’ ที่ทำธุรกรรมบนเครือข่ายบิตคอยน์เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการกลับตัวขึ้นของตลาดข้อมูลจาก Glassnode ระบุว่า เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ มีที่อยู่กระเป๋าเงินที่เคลื่อนไหวอยู่ถึง 912,300 รายการ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 16 ธันวาคม 2023 โดยปกติ เมื่อกิจกรรมบนบล็อกเชนเพิ่มสูงขึ้น มักเป็นสัญญาณของการสร้างฐานราคาก่อนขาขึ้นครั้งใหม่
ในอีกด้านหนึ่ง อีเธอเรียมยังมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญในองค์กร โดยมูลนิธิอีเธอเรียม(Ethereum Foundation) แต่งตั้ง ‘เซียวเหว่ย หวัง’ และ ‘โทมาช สตานจัก’ จาก Nethermind เป็นผู้ร่วมบริหารคนใหม่ ทั้งสองจะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 17 มีนาคม
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เกิดขึ้นท่ามกลางความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบของตลาดคริปโต นักลงทุนจึงจับตาดูนโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด และคาดว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของทรัมป์จะส่งอิทธิพลต่ออุตสาหกรรมคริปโตในระยะยาว
ความคิดเห็น 0