หลุดรายงาน Fundstrat ชี้บิตคอยน์(BTC) มีสิทธิ์ร่วงแตะ 60,000 ดอลลาร์ปี 2026 สวนทางมุมมองบวกของทอม ลี

รายงานภายในฉบับหนึ่งของบริษัทวิจัยการลงทุน ฟันด์สแตรต(Fundstrat) กำลังถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวางบนโลกออนไลน์ โดยระบุแนวโน้ม 'ตลาดหมี' สำหรับคริปโตเคอร์เรนซีในปี 2026 ซึ่งดูจะแตกต่างจากคำพูดล่าสุดของทอม ลี(Tom Lee) หุ้นส่วนผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัยของบริษัท

เมื่อวันที่ 8 (เวลาท้องถิ่น) ผู้ใช้งานหลายรายบนแพลตฟอร์ม X โพสต์ภาพเอกสารที่อ้างว่าเป็น แนวทางยุทธศาสตร์คริปโตปี 2026 ฉบับภายในของฟันด์สแตรต โดยข้อมูลในรายงานดังกล่าวเตือนว่าอาจเกิดการปรับฐานรุนแรงในช่วงครึ่งปีแรกของ 2026 โดยตั้งเป้าราคาต่ำสุดที่บิตคอยน์(BTC) อาจลดลงถึง 60,000–65,000 ดอลลาร์, อีเธอเรียม(ETH) ลงไปที่ 1,800–2,000 ดอลลาร์ และ โซลานา(SOL) ร่วงลงสู่ช่วง 50–75 ดอลลาร์ ก่อนที่จะกลายเป็น ‘โอกาสเข้าซื้อ’ ในช่วงปลายปี

แม้รายงานฉบับนี้ยังไม่ถูกเผยแพร่อย่างเป็นทางการ และยังไม่มีการยืนยันความถูกต้องโดย Cointelegraph แต่หลายบัญชีที่เน้นข่าวคริปโตเช่น Wu Blockchain อ้างว่าเอกสารดังกล่าวถูกส่งแจกจ่ายให้กับลูกค้าภายในของบริษัท โดยเอกสารระบุว่าเขียนโดย ฌอน ฟาร์เรลล์(Sean Farrell) หัวหน้ากลยุทธ์สินทรัพย์ดิจิทัลของฟันด์สแตรต

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มที่ปรากฏในรายงานนี้ดูจะขัดแย้งกับคำพูดสาธารณะของ ทอม ลี ที่ได้กล่าวเวที Binance Blockchain Week ในดูไบเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา โดยเขาระบุว่า บิตคอยน์อาจพุ่งแตะระดับ 250,000 ดอลลาร์ภายในไม่กี่เดือน และมองว่าอีเธอเรียมที่ระดับราคาใกล้ 3,000 ดอลลาร์ในปัจจุบันนั้น ‘ต่ำกว่ามูลค่าอย่างมาก’

ลีอธิบายว่าหากอีเธอเรียมกลับมาแตะอัตราส่วนเฉลี่ยเมื่อเทียบกับบิตคอยน์ในรอบ 8 ปี ราคาสามารถวิ่งขึ้นไปถึงระดับ 12,000 ดอลลาร์ และหากย้อนคืนระดับในปี 2021 อาจขึ้นไปแตะ 22,000 ดอลลาร์ หรือหากตามอัตราส่วน ETH/BTC ที่ 0.25 ก็จะมีมูลค่าเหนือ 60,000 ดอลลาร์ได้

นอกจากนี้ในเดือนพฤศจิกายน ทอม ลี ยังกล่าวว่าอีเธอเรียมกำลังเข้าสู่ "วัฏจักรซูเปอร์ไซเคิล" เช่นเดียวกับการเติบโตของบิตคอยน์ที่ราคาพุ่งขึ้นกว่า 100 เท่า นับตั้งแต่ปี 2017

ฟันด์สแตรตยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นต่อข่าวนี้ในขณะที่เผยแพร่บทความนี้

อีกด้านหนึ่ง บริษัท BitMine ซึ่ง ทอม ลี เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง ได้เดินหน้าซื้อสะสมอีเธอเรียมอย่างต่อเนื่อง โดยตามรายงานของ Cointelegraph เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม บริษัทเปิดเผยว่าถือครองอีเธอเรียมเกือบ 3.9 ล้านเหรียญ หลังจากซื้อเพิ่มมากกว่า 138,000 เหรียญภายในหนึ่งสัปดาห์ คิดเป็นมากกว่า 3.2% ของอุปทานรวมของ ETH

*ความคิดเห็น* ความขัดแย้งระหว่างรายงานภายในของฟันด์สแตรตและมุมมองสาธารณะของทอม ลี สะท้อนให้เห็นถึงช่องว่างระหว่างการวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์และการนำเสนอต่อนักลงทุน ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาทั้ง 2 ด้านอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนในตลาดที่มีความผันผวนสูงอย่างคริปโต.