Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

Bitmine สะสมอีเธอเรียม(ETH)ทะลุ 4.06 ล้านเหรียญ หวังครอบครอง 5% ของอุปทานทั้งหมด

Bitmine Immersion Technologies เดินหน้าสะสมอีเธอเรียม(ETH)อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดถือครองทะลุ 4.06 ล้านเหรียญ คิดเป็นสัดส่วน 3.37% ของอุปทานทั้งหมดของเครือข่าย เป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดที่สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ที่บริษัทเรียกว่า ‘Alchemy of 5%’ หรือ ‘แผนการครอบครอง 5%’ โดยรายงานเมื่อวันที่ 23 (เวลาท้องถิ่น) ระบุว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมาเพียงสัปดาห์เดียว Bitmine ได้ซื้อ ETH เพิ่มอีกกว่า 98,852 เหรียญ

จากการเปิดเผยข้อมูลการเงินล่าสุด ณ ราคาประมาณ 2,991 ดอลลาร์ต่อเหรียญ Bitmine ถือครองทรัพย์สินรวมในรูปของอีเธอเรียมมูลค่าเกิน 122,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 18.1 ล้านล้านวอน นอกจากนี้ บริษัทยังถือครองบิตคอยน์(BTC) อีก 193 เหรียญ, เงินสด 1,000 ล้านดอลลาร์, หุ้นของ Eightco Holdings มูลค่า 32 ล้านดอลลาร์ และสินทรัพย์ประเภทอื่นในกลุ่ม ‘Moonshot’ ส่งผลให้มูลค่ารวมของสินทรัพย์แตะ 13,200 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 19.5 ล้านล้านวอน

Bitmine ได้กลายเป็นบริษัทที่ถือครองอีเธอเรียมรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยอุปทานรวมของ ETH ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 120 ล้านเหรียญ และในบรรดาบริษัททั้งหมด Bitmine ถือมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ขณะที่ในตลาดคริปโตโดยรวม บริษัทรองจาก Strategy ซึ่งถือครองบิตคอยน์อยู่ประมาณ 671,000 เหรียญ

การเร่งสะสม ETH อย่างรวดเร็วเริ่มต้นเมื่อราว 5 เดือนครึ่งก่อน และทะลุ 4 ล้านเหรียญในเวลาอันสั้น นักวิเคราะห์หลายรายชี้ว่าสาเหตุหลักมาจากการขยายตัวของเทคโนโลยี ‘โทเคนไนซ์’ และ ‘ดีไฟน์’(การเงินแบบไร้ศูนย์กลาง) รวมถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นจากภาคการเงินแบบดั้งเดิม

ทอม ลี(Tom Lee) ผู้ร่วมก่อตั้ง Fundstrat ให้ความเห็นว่า “Bitmine กำลังสร้างสะพานเชื่อมระหว่างการเงินแบบเก่าและโครงสร้างพื้นฐานบนบล็อกเชน” พร้อมเสริมว่า “กลยุทธ์การลงทุนโดยเน้นอีเธอเรียมมีความสำคัญอย่างมากในช่วงที่นักลงทุนสถาบันเริ่มหันมาสนใจสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างจริงจัง”

ความเคลื่อนไหวของหุ้น Bitmine ที่ใช้สัญลักษณ์ว่า ‘BMNR’ ในตลาดก็สะท้อนความร้อนแรงของกลยุทธ์นี้อย่างชัดเจน โดยในช่วง 5 วันที่ผ่านมา มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยวันละ 1,700 ล้านดอลลาร์ หรือราว 25 ล้านล้านวอน ทำให้ขึ้นแท่นเป็นหุ้นที่มีการซื้อขายมากที่สุดอันดับ 66 ในสหรัฐ รองจากชื่อใหญ่ ๆ อย่างเวลส์ฟาร์โกและเชฟรอน

ปัจจัยผลักดันสำคัญอีกประการคือเครือข่ายนักลงทุนของบริษัทที่แข็งแกร่ง ประกอบด้วยชื่อชั้นนำอย่าง ARK Invest ของแคธี วูด(Cathie Wood), Founders Fund, Pantera Capital, Galaxy Digital, Digital Currency Group, Kraken, Bill Miller III, MOZAYYX รวมถึงการลงทุนส่วนตัวของทอม ลี

Bitmine ไม่ได้จำกัดตัวเองแค่การถือครองเหรียญ แต่ยังมีแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการสเตก ETH ภายในประเทศสหรัฐอเมริกา ภายใต้ชื่อโครงการ ‘MAVAN’ (Made in America Validator Network) ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงต้นปี 2026 และในวันที่ 15 มกราคม 2026 จะจัดประชุมผู้ถือหุ้นที่โรงแรม Wynn ในลาสเวกัส เพื่อประกาศแผนกลยุทธ์ระยะยาวและแนวทางรับมือกฎระเบียบใหม่ในตลาดการเงินสหรัฐ

การขยายการสะสม ETH และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของ Bitmine กำลังกลายเป็นจุดสนใจของตลาด โดยกลายเป็นสัญญาณชัดถึงความต้องการขององค์กรต่ออีเธอเรียมที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจกลายเป็นตัวกระตุ้นราคาสำคัญของ ETH ในอนาคต

*ความคิดเห็น*: กลยุทธ์ของ Bitmine ชี้ให้เห็นว่าคริปโตไม่ได้เป็นเพียงสินทรัพย์สำหรับเทรดลุ้นราคาอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็นโครงสร้างหลักในแผนเศรษฐกิจขององค์กรขนาดใหญ่ โดยเฉพาะเมื่อบริษัทเอกชนเดินหน้า ‘สะสม’ แทนที่จะ ‘ซื้อขาย’ นี่อาจเป็นการเปลี่ยนจุดศูนย์กลางสำคัญของตลาดคริปโต จากรายย่อยสู่ภาคองค์กรอย่างแท้จริง

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1