เมนเทิล(Mantle) กำลังก้าวขึ้นเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านการเงินบนเชนในระดับโลก โดยมีการเติบโตทั้งในด้านการบริหารสินทรัพย์ การรวมสภาพคล่อง และการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานข้ามแพลตฟอร์ม จากรายงานของเมซซารี รีเสิร์ช(Messari Research) ระบุว่า เมนเทิลมีสินทรัพย์ที่รองรับด้วยระบบการสเตกมากกว่า *1.07 พันล้านดอลลาร์* ภายในสิ้นปี 2025 ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพในการเป็นรากฐานของระบบ DeFi ที่ครบวงจร
ตลอดปีที่ผ่านมา เมนเทิลได้ดำเนินการยกระดับโครงสร้างครั้งใหญ่ โดยเปลี่ยนจากระบบ *Optimistic Rollup* ไปสู่โครงสร้างแบบ *Validium* ที่ใช้หลักฐานแบบ ZK (Zero-Knowledge Proof) ซึ่งช่วยลดเวลายืนยันธุรกรรมเหลือเพียง *1 ชั่วโมง* และลดเวลารอถอนลงเหลือ *12 ชั่วโมง* นอกจากนี้ การเลือกใช้งาน EigenDA เพื่อรองรับการเข้าถึงข้อมูล ช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายโดยไม่ลดทอนความเป็น ‘กระจายศูนย์’
ในด้านระบบการสเตก เมนเทิลมีโทเคนสายหลัก 2 ตัวคือ *mETH* และ *cmETH* ซึ่งมีบทบาทในการตอบโจทย์สถาบันการเงิน mETH ถือครองอีเธอเรียม(ETH) มูลค่ารวม *791.7 ล้านดอลลาร์* โดยให้ผลตอบแทนแบบเสถียร ขณะที่ cmETH ใช้ในระบบการรีสเตกครอบคลุมถึง *277 ล้านดอลลาร์* ซึ่งนำเสนอทั้งสภาพคล่องสูงและผลตอบแทนผ่านกลไกการประกัน โดย mETH มีอัตราแลกเปลี่ยนกับ ETH ที่ *1.08 ต่อ 1* ณ สิ้นปี 2025 ซึ่งแสดงถึงการสร้างรายได้ที่ต่อเนื่อง
ในมุมของโทเคนด้านการกำกับดูแล *MNT* ก็กำลังได้รับความสนใจมากขึ้น โดยรายงานของเมซซารีระบุว่า ณ วันที่ 8 ตุลาคม 2025 มูลค่าตลาดของ MNT ที่มีการหมุนเวียนอยู่ที่ *8.7 พันล้านดอลลาร์* การรวมระบบเข้ากับแพลตฟอร์มชื่อดังอย่างไบบิต ช่วยขยายช่องทางการซื้อขาย โดย MNT ครองสัดส่วนถึง *80%* ของปริมาณการซื้อขายรายวันภายในไบบิต กลยุทธ์เน้นใช้งานจริง เช่น ส่วนลดค่าธรรมเนียมและระบบการนำไปเป็นหลักประกัน ก็ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของระบบนิเวศ MNT อย่างมีประสิทธิภาพ
เมนเทิลยังโดดเด่นในภาคการโทเคนทรัพย์สิน เช่น การให้บริการ *Tokenization as a Service (TaaS)* โดยรองรับโทเคนทรัพย์สินชื่อดังอย่าง USDY จาก Ondo Finance และ USD1 จาก World Liberty Financial ซึ่งในกลุ่มนี้ USDY ถูกสร้างขึ้นบนเมนเทิลแล้วกว่า *29 ล้านดอลลาร์* ทั้งนี้ระบบการจัดการแบบครบวงจรทั้ง Smart Contract, การยืนยันตัวตน (KYC) และโครงสร้างทางกฎหมาย ตอบรับกับกรอบกฎหมายสากลที่กำลังพัฒนาอยู่
กิจกรรมต่าง ๆ บน DeFi ของเมนเทิลกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง DEX อย่าง *Merchant Moe* และ *Agni* มีมูลค่าทรัพย์สินที่ล็อกไว้รวม (TVL) คิดเป็น *66%* จากทั้งหมด *242.3 ล้านดอลลาร์* ในเครือข่าย โดยทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางสภาพคล่อง ขณะเดียวกัน โปรโตคอลอย่าง INIT Capital และ Rendle ก็ใช้ mETH และ cmETH เป็นหลักประกันในการกู้ยืม รวมถึงให้บริการกลยุทธ์สภาพคล่องแบบอัตโนมัติ ส่งผลให้การใช้งานด้านการเงินบนเชนมี ‘ความเป็นจริง’ ยิ่งขึ้น
ในด้านเทคโนโลยี เมนเทิลผสานระบบ OP Stack กับ zkVM (SP1) เพื่อสร้างโครงสร้างแบบ ZK Validium ซึ่งเพิ่มทั้ง *ประสิทธิภาพ* และ *ความปลอดภัย* โดยมีการร่วมมือกับ Succinct เพื่อปรับลดค่าใช้จ่ายในการประมวลผลต่อธุรกรรมเหลือเพียง *0.002 ดอลลาร์* ต่อรายการ ถือเป็นก้าวกระโดดที่ทำให้การประมวลผลแบบกระจายศูนย์สามารถใช้งานได้ในเชิงพาณิชย์ ในขณะที่ระบบ EigenDA ยังเป็นกุญแจสำคัญในการจัดการข้อมูลที่สามารถยืนยันผลได้ในต้นทุนต่ำกว่าการใช้ Ethereum Mainnet
ในระยะต่อไป เมนเทิลเตรียมเปิดตัวระบบเพื่อเพิ่มปริมาณการประมวลผลผ่านคลไคลเอนต์เฉพาะอย่าง RETH และ REVM พร้อมกับนำเทคโนโลยีเชนแบบนามธรรม (chain abstraction) มาใช้ในระบบเคลียร์ธุรกรรม รวมถึงกำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับสินทรัพย์จริงบนเชนอย่างละเอียด ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสัญญาณว่าเมนเทิลไม่ได้เป็นแค่แพลตฟอร์มเลเยอร์ 2 ทั่วไปอีกต่อไป
เมซซารีสรุปว่า การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้กำลัง *นิยามเมนเทิลใหม่* ให้กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านการเงินบนเชน ที่เชื่อมโยงการเงินแบบดั้งเดิมกับระบบ Blockchain ได้อย่างมีประสิทธิภาพและตอบโจทย์รูปแบบการใช้งานจริงใน ‘ตลาดทุน’ ได้อย่างลงตัว.
ความคิดเห็น 0