อินโดนีเซียเผย ‘ไวท์ลิสต์’ 29 แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโต ที่ได้รับใบอนุญาตจากรัฐ
ทางการอินโดนีเซียเดินหน้าจัดระเบียบอุตสาหกรรมคริปโตอย่างจริงจัง ล่าสุดสำนักงานกำกับดูแลบริการทางการเงินของอินโดนีเซีย (OJK) ได้เปิดเผยรายชื่อแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลทั้ง 29 แห่ง ที่ได้รับ ‘ใบอนุญาตอย่างเป็นทางการ’ หรืออยู่ในสถานะ ‘รออนุมัติภายใต้การกำกับดูแล’ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของประเทศเจ้าตลาดคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ในการคุ้มครองผู้ลงทุนและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับอุตสาหกรรม
ในรายชื่อที่เปิดเผยเมื่อวันที่ 19 (เวลาท้องถิ่น) มีทั้งที่ได้รับใบอนุญาต ‘PAKD’ นำโดย อินโดแดกซ์(Indodax), พินตู(Pintu), พลวง(Pluang), เรคู(Reku), อัปบิต อินโดนีเซีย(Upbit Indonesia), สต็อกบิต คริปโต(Stockbit Crypto), โทโกคริปโต(Tokocrypto), ทริฟ(Triv), นาโนเวสท์(Nanovest), บิตไทม์(Bittime), คอยน์เอ็กซ์(CoinX), ไซรา เอกซ์เชนจ์(Cyra Exchange), BTSE อินโดนีเซีย และ อาใจบ์ คริปโต(Ajaib Kripto)
นอกจากนั้น ยังมีแพลตฟอร์มที่อยู่ในสถานะจดทะเบียนชั่วคราว ‘CPAKD’ อย่าง ลูโน(Luno), แฟเซ็ท(Fasset), ดิจิทัลเอ็กซ์เชนจ์(Digitalexchange.id) และ คริปโต แวร์เฮาส์(Crypto Warehouse) ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อขออนุมัติเต็มรูปแบบจากทางการ
*ความคิดเห็น:* การที่อัปบิต อินโดนีเซียสามารถผ่านเกณฑ์และได้รับใบอนุญาตถือเป็นก้าวสำคัญของการรุกขยายตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของแพลตฟอร์มจากเกาหลีใต้
เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับตลาดที่กำลังเติบโต OJK ยังได้เปิดเผยโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่เกี่ยวข้อง เช่น ตลาดซื้อขายที่ได้รับอนุญาตคือ PT บุรสา โคโมดิที นูซันตารา(CFX), หน่วยงานคลีริ่งและชำระราคาคือ PT คลีอาริง โคโมดิที อินโดนีเซีย ส่วนการดูแลทรัพย์สินของผู้ใช้งานจะดำเนินการโดย PT คุสโตเดียน คอยน์ อินโดนีเซีย และ PT เทเน็ต ดีโพซิทอรี อินโดนีเซีย
ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ มาตรการเหล่านี้เท่ากับเป็นการวาง ‘โครงร่างกฎหมายและระบบรองรับ’ ที่ครบวงจรสำหรับตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล โดยชัดเจนถึงความตั้งใจผลักดันอุตสาหกรรมให้มีความโปร่งใสและปลอดภัย
ทั้งนี้ ภายใต้ ‘กฎหมายว่าด้วยการพัฒนาและเสริมความแข็งแกร่งด้านการเงิน (กฎหมายเลข 4 ปี 2023)’ ที่ประกาศใช้เมื่อต้นปี ทางการอินโดนีเซียได้ย้ายอำนาจกำกับดูแลจากกระทรวงการค้าไปยัง OJK อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่นั้นมา แพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลทุกรายในประเทศจะต้องได้รับอนุญาตจาก OJK หรือธนาคารกลางอินโดนีเซีย หากดำเนินการโดยไม่มีใบอนุญาต ถือเป็นการกระทำ ‘ผิดกฎหมาย’ และมีโทษทั้งจำคุกและปรับ
OJK ยังเตือนนักลงทุนว่า แพลตฟอร์มที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อไวท์ลิสต์จะถูกมองว่าเป็นกิจการผิดกฎหมาย พร้อมแนะหลีกเลี่ยงลิงก์ปลอม ‘โดเมนใกล้เคียง’ หรือกลุ่มลงทุนในโซเชียลมีเดียที่อาจเป็นต้นทางของหลอกลวง
การประกาศรายชื่อครั้งนี้สอดคล้องกับการบังคับใช้กฎระเบียบใหม่ของทางการในชื่อ ‘OJK Regulation 23/2025’ ที่ระบุว่าการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่ผ่านการจดทะเบียนอย่างถูกต้องจะไม่สามารถดำเนินการได้อีกต่อไป ขณะเดียวกันในส่วนของผลิตภัณฑ์ *อนุพันธ์* เช่น ฟิวเจอร์สหรือออปชัน ก็ถูกกำหนดเงื่อนไขใหม่ เช่น ต้องมีระบบค้ำประกัน, การแยกเงินทุน (Segregated Funds) และแบบทดสอบความรู้ของผู้ลงทุน
ในภาพรวม อินโดนีเซียกำลังกลายเป็นหนึ่งใน ‘ตลาดคริปโตที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก’ ตามรายงานของ Chainalysis คาดว่าในปี 2025 ประเทศจะอยู่ใน 10 อันดับแรกของโลกในด้านการยอมรับคริปโต และครองอันดับ 1 ในอาเซียน โดยขณะนี้มีผู้ใช้งานคริปโตในประเทศราว 17 ล้านคน และหากรวมผู้ลงทุนด้านการเงินแบบดั้งเดิม จะพุ่งเกิน 19 ล้านคน
*ความคิดเห็น:* แม้การสั่งห้ามและควบคุมอย่างเข้มงวดอาจทำให้ตลาดชะลอการเติบโตในระยะสั้น แต่ในระยะยาวถือเป็นการวางโครงสร้างรองรับที่มั่นคงและสร้างฐานใหม่ให้กับนักลงทุนที่เน้น ‘ความปลอดภัยเป็นหลัก’
ความคิดเห็น 0