บิตคอยน์(BTC) พยายามสร้างแรงส่งปลายปีอีกครั้ง แต่สุดท้ายต้องยอมรับว่า ‘ไม่อาจพลิกสถานการณ์ขาดทุนรายปีได้’ การฟื้นตัวในช่วงสั้นมาจากข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่แข็งแกร่งกว่าคาด แต่ความผันผวนของราคาในตลาดคริปโตยังคงเป็น ‘ความเสี่ยงหลัก’
เมื่อดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐออกมาสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ บิตคอยน์จึงมีจังหวะทะยานขึ้นใกล้ระดับ 90,000 ดอลลาร์ (ราว 1.29 ล้านบาท) แต่ถูกเทขายอย่างรวดเร็วจนร่วงกลับต่ำกว่า 85,000 ดอลลาร์ ก่อนจะเข้าสู่ช่วงเหวี่ยงตัวและยังไม่สามารถกำหนดแนวโน้มที่ชัดเจนได้
ช่วงต้นสัปดาห์ บิทคอยน์สามารถดีดขึ้นแตะระดับ 90,400 ดอลลาร์ (ราว 1.3 ล้านบาท) ในวันจันทร์ ก่อนถูกแรงขายกดดันช่วงอังคาร-พุธกลับลงมาต่ำกว่า 87,000 ดอลลาร์ และทรงตัวแถวระดับ 88,000 ดอลลาร์ในวันคริสต์มาส จนถึงเช้า 27 ล่าสุดมีการดีดกลับอีกครั้งที่แนวต้าน 89,500 ดอลลาร์ (ราว 1.28 ล้านบาท) แต่อ่อนแรงลงมาเคลื่อนไหวที่ระดับเดิมคือประมาณ 88,000 ดอลลาร์
จากการเปิดปีที่ระดับสูงถึง 94,000 ดอลลาร์ (ราว 1.35 ล้านบาท) บิตคอยน์ยังไม่อาจหลีกเลี่ยงผลตอบแทนเชิงลบตลอดทั้งปี 2025 แม้เคยทำสถิติสูงสุดเหนือเดิมได้ก็ตาม สถานการณ์นี้ทำให้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า บิตคอยน์มีแนวโน้ม ‘ปิดปีด้วยขาดทุน’
ในขณะที่บิตคอยน์พยายามตั้งหลัก มูลค่าตลาดรวมสามารถกลับขึ้นมาแตะ 1.76 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2,537 ล้านล้านบาท) ได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ‘อำนาจของบิตคอยน์กำลังถูกเบียดบัง’ ตามข้อมูลจาก CoinGecko ระบุว่า ส่วนแบ่งตลาดของ BTC ปรับลงมาใกล้ระดับ 58%
บรรดาอัล트คอยน์รายใหญ่ อาทิ อีเธอเรียม(ETH), ไบแนนซ์คอยน์(BNB), ริปเปิล(XRP), โซลานา(SOL), ดอจคอยน์(DOGE), และคาร์ดาโน(ADA) ต่างเคลื่อนไหวในทิศทางลดลงเล็กน้อย ขณะที่บิตคอยน์แคช(BCH), โมเนโร(XMR) และซีแคช(ZEC) มีแนวโน้มบวก โดยเฉพาะ CC และยูนิสวอป(UNI) ที่โดดเด่นด้วยกำไรระดับสองหลัก
มี ‘ความคิดเห็น’ จากผู้วิเคราะห์อย่าง CrediBull Crypto ที่ชี้ว่า อัลท์คอยน์บางตัวอาจมีโอกาสสร้างผลตอบแทนเหนือบิตคอยน์ได้ โดยเฉพาะเหรียญอย่าง XRP พร้อมย้ำว่า นักลงทุนควรพิจารณาสร้างมุมมองที่หลากหลายมากกว่าการเน้น BTC เพียงอย่างเดียว
สำหรับมุมมองในระยะยาว นักวิเคราะห์นามว่า ‘ดร.โปรฟิต’ ระบุว่า ตลาดขณะนี้ได้เข้าสู่ภาวะ ‘ขาลง’ เป็นที่เรียบร้อย โดยมีความเป็นไปได้ว่า จะเห็นราคาต่ำสุดของรอบนี้ในไตรมาส 3 ปีหน้า หรือลากยาวไปถึงปลายปี 2026 การประเมินนี้สะท้อนถึง ‘ความเสี่ยงการประเมินค่าบิตคอยน์เกินจริง’ จากการฟื้นตัวระยะสั้น
นอกจากนี้ ยังเกิดเหตุการณ์ราคาพุ่ง-ร่วงชั่วคราวในตลาดอีกด้วย เช่น แพลตฟอร์มไบแนนซ์ มีเคสที่ราคาบิตคอยน์ในคู่เทรดกับ USD1 สเตเบิลคอยน์ หล่นลงไปถึง 24,111 ดอลลาร์ (ประมาณ 3.47 ล้านบาท) แต่อุบัติเหตุดังกล่าวไม่ได้สะท้อนสภาวะตลาดโดยรวม โดยมีการวิเคราะห์ว่า เกิดจากปัญหาสภาพคล่องในระบบชั่วคราว
อีกหนึ่งประเด็นร้อนคือ ‘การแฮกทรัสต์วอลเล็ต’ ที่สร้างความเสียหายไม่น้อย โดยมูลค่าทรัพย์สินสูญหายพุ่งถึง 7 ล้านดอลลาร์ (ราว 100.94 ล้านบาท) พร้อมกระแสข้อสงสัยเกี่ยวกับ ‘ความเกี่ยวข้องของพนักงานภายในระบบ’ ซึ่งซีอีโอของไบแนนซ์อย่างฉางเผิง จ้าว(CZ) ออกมากล่าวอ้างด้วยตนเอง
อย่างไรก็ตาม ยังมีภาพฝั่งบวกในตลาดคริปโต โดยเฉพาะท่าทีของ Bitmine Immersion Technologies ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนในอีเธอเรียมของ ทอม ลี ที่ยังคงเดินหน้า ‘กลยุทธ์ซื้อเข้าต่อเนื่อง’ ล่าสุดซื้อเพิ่มอีก 98,852 ETH คิดเป็น 3.37% ของอุปทานทั้งหมด ตอกย้ำแนวคิดการลงทุนระยะยาวในสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำ
ความคิดเห็น 0