นักวิเคราะห์เตือน บิตคอยน์(BTC) เสี่ยงร่วงต่อเนื่องถึงปี 2026 แม้ราคาดีดแตะ 90,000 ดอลลาร์

บิตคอยน์(BTC) ยังคงอยู่ในช่วงขาลง โดยนักวิเคราะห์ชื่อดังหลายรายเตือนว่าการปรับตัวขึ้นในระยะสั้นอาจเป็นเพียง ‘กับดักสภาพคล่อง’ มากกว่าการฟื้นตัวของตลาดจริง จากสถิติราคาและข้อมูลออนเชนล่าสุด ยังคงมีความเป็นไปได้สูงที่ราคาจะลดลงต่อเนื่องไปถึงปี 2026

หลังจากขึ้นไปแตะระดับ 90,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.29 ล้านบาท) เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา บิตคอยน์ปรับลงมาอยู่ที่ 87,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.24 ล้านบาท) ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าแนวโน้มนี้สะท้อนถึงสภาวะตลาดที่ยังไม่สามารถกลับสู่ทิศทางขาขึ้นได้อย่างมั่นคง โดย ‘มิสเตอร์ วอลสตรีท’ นักวิเคราะห์คริปโตชื่อดังระบุว่า บิตคอยน์ยังอยู่ในภาวะขาลงชัดเจน เพราะยังต่ำกว่าระดับสูงสุดเดิมที่ 126,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.8 ล้านบาท) ถึงกว่า 30% เขาคาดว่าจะมีการฟื้นตัวทางเทคนิคในระยะสั้นเพื่อกระตุ้นแรงขาย ก่อนที่ราคาจะร่วงลงไปอยู่ในช่วง 64,000-70,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 9.1 แสน–1.05 ล้านบาท)

ด้าน ‘ด็อกเตอร์ โปรฟิต’ อีกหนึ่งนักวิเคราะห์ที่มีชื่อเสียง สนับสนุนมุมมองเช่นเดียวกัน โดยเขาคาดว่า จุดต่ำสุดของรอบนี้ยังมาไม่ถึง และอาจลากยาวไปจนถึงเดือนกันยายนถึงตุลาคม 2026 พร้อมระบุว่าได้เริ่มเทน้ำหนักการลงทุนไปที่ทองคำและเงินในฐานะสินทรัพย์จับต้องได้ นอกจากนี้เขายังเผยว่าได้สร้างตำแหน่งชอร์ตจำนวนมากเมื่อราคาขึ้นไปแตะ 115,000–125,000 ดอลลาร์ และในระยะสั้นยังคงถือสถานะระดับกลางกับ BTC โดยมองว่าราคาน่าจะดีดกลับไปแตะสูงสุดที่ 107,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.53 ล้านบาท) ช่วงกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม 2025 ก่อนจะปรับตัวลดลงอีกครั้ง

ข้อมูลออนเชนยังสอดคล้องกับแนวโน้มขาลง โดยเฉพาะดัชนี ‘LTH SOPR’ ซึ่งใช้วัดกำไรของผู้ถือบิตคอยน์ระยะยาว ปัจจุบันยังคงใกล้ระดับ 1.0 แสดงถึงการขายทำกำไรที่ไม่ชัดเจน ซึ่งหมายความว่านักลงทุนยังคงลังเลที่จะขายสินทรัพย์ในจุดนี้

ขณะที่ดัชนี ‘BCMI’ หรือ Bitcoin Cycle Market Index ซึ่งติดตามวงจรของตลาดบิตคอยน์ เริ่มลดลงควบคู่กับราคาที่อ่อนตัวลง ซึ่งเป็นสัญญาณของแนวโน้มขาลงที่เป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป มีลักษณะการกระจายลงทั้งด้านราคาและเวลา ซึ่งมักเกิดขึ้นในตลาดที่ไม่มีแรงซื้อที่ชัดเจน

*ความคิดเห็น:* ข้อมูลทั้งหมดสะท้อนว่าตลาดยังอยู่ในช่วง ‘พักฐานระยะยาว’ และอาจไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมสำหรับการเข้าซื้อเร็วเกินไป นักลงทุนควรพิจารณาความเสี่ยงจากความผันผวน และกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ที่มั่นคงกว่า ในขณะที่เฝ้ารอจังหวะใหม่ของตลาดคริปโตในอนาคต