กลุ่มมิราเอเซทรุกตลาดคริปโต เตรียมเข้าซื้อกิจการ ‘โค빗’ หนึ่งในแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตระดับแนวหน้าของเกาหลีใต้ โดยมูลค่าดีลอาจสูงถึง 1,000 พันล้านวอน หรือประมาณ 1 พันล้านบาท ท่ามกลางการแข่งขันของสถาบันการเงินเพื่อเข้าสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างจริงจัง
เมื่อวันที่ 24 ตามรายงานของสื่อเกาหลี ผู้บริหารของกลุ่มมิราเอเซท ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของโคบิท ผ่านทางบริษัทมิราเอเซท คอนซัลติ้ง ซึ่งมิใช่สายการเงินของกลุ่ม โดยโคบิทนั้นปัจจุบันมีโครงสร้างถือหุ้นหลักอยู่ในมือของ NXC บริษัทแม่ของเน็กซอน คิดเป็นสัดส่วนราว 60.5% และ SK Planet ซึ่งอยู่ในเครือ SK Square อีกราว 31.5% การที่ดีลนี้เกิดขึ้นโดยตรงในระดับกลุ่มธุรกิจ จึงแสดงให้เห็นถึงแผนกลยุทธ์ระยะยาวของมิราเอเซทที่มากกว่าการลงทุนทั่วไป
การเจรจาดังกล่าวมีการประเมินมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ราว 700 พันล้านวอนถึงไม่เกิน 1,000 พันล้านวอน หรือประมาณ 70 ล้านถึง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนับเป็นหนึ่งในกรณีที่หายากที่ *สถาบันการเงินแบบดั้งเดิม* จะเข้าซื้อกิจการแพลตฟอร์มคริปโตอย่างจริงจัง ท่ามกลางความไม่แน่นอนด้านกฎหมายและท่าทีของหน่วยงานกำกับดูแลในเกาหลีใต้
ถึงแม้ว่าในแง่ของปริมาณการซื้อขาย โคบิทจะครองตลาดเพียงประมาณ 0.5% เท่านั้น เทียบกับอัพบิตซึ่งถือครองกว่า 64.2% ตามด้วยบิทซัมที่ 24.4% และโคอินวันที่ 10.8% ตามข้อมูลของ CoinGecko อย่างไรก็ตาม โคบิทถือว่าเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มแรก ๆ ที่เปิดให้ซื้อขายบิตคอยน์(BTC) ด้วยวอนในประเทศตั้งแต่ปี 2013 และที่สำคัญคือ มีโครงสร้างด้าน *การปฏิบัติตามกฎระเบียบ (compliance infrastructure)* ที่แข็งแกร่ง ทั้งการได้รับใบอนุญาตจากรัฐบาล, การเชื่อมโยงบัญชีกับธนาคาร, ไปจนถึงระบบ KYC (Know Your Customer) ที่ครบถ้วน ซึ่งทำให้แพลตฟอร์มนี้เป็น ‘โครงสร้างพร้อมใช้งาน’ สำหรับธุรกิจคริปโตที่มุ่งเน้นลูกค้าสถาบัน
ในช่วงเวลาเดียวกัน กลุ่มเทคโนโลยีและการเงินรายใหญ่อื่น ๆ อย่าง ไบบิท ก็เคยมีการเจรจาเพื่อซื้อโคบิทเช่นกัน ขณะที่ เน이버ไฟแนนเชียล ได้ประกาศแผนการเข้าซื้อดันามู ผู้ให้บริการอัพบิต ด้วยเงินลงทุนสูงถึง 15.1 ล้านล้านวอน หรือกว่า 4 แสนล้านบาท ตามรายงานก่อนหน้า กระแสการเคลื่อนไหวนี้ตอกย้ำเทรนด์การผสาน *บริการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลกับโครงสร้างทางการเงินแบบดั้งเดิม* ซึ่งอาจทำให้ตลาดคริปโตในประเทศก้าวสู่ยุคของ ‘บริการทางการเงินเต็มรูปแบบ’ ที่รวมถึงการวางแผนภาษี, การลงทุนระยะยาว และการผนวกกับตลาดทุน
ทั้งนี้กระบวนการเข้าซื้อยังอยู่ในช่วงต้น โดยมีอุปสรรคทั้งในแง่ *การตรวจสอบกิจการ (due diligence)* และการขออนุมัติจากทางการอยู่ระหว่างดำเนินการ ทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของข้อตกลงอย่างเป็นทางการ ด้านหน่วยงานกำกับยังคงยึดหลักการแยกธุรกิจบริการทางการเงินแบบดั้งเดิมออกจากธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล จึงเป็นที่จับตาว่ากลุ่มมิราเอเซทจะแยกธุรกิจในเชิงกฎหมายและโครงสร้างอย่างไร หากดีลดังกล่าวสำเร็จไปได้
*ความคิดเห็น*: เคสนี้อาจสะท้อนจุดเปลี่ยนสำคัญของตลาดคริปโตในระดับสถาบัน หากสถาบันการเงินอย่างมิราเอเซทสามารถเข้าสู่ตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านดีลลักษณะนี้ ตลาดอาจต้องปรับกลยุทธ์เข้าสู่การแข่งขันที่เน้นคุณภาพโครงสร้างพื้นฐาน มากกว่าปริมาณธุรกรรมเพียงอย่างเดียว
ความคิดเห็น 0