Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

ไพเน็ตเวิร์ก(Pi) เปิดเมนเน็ตเต็มรูปแบบในปี 2025 ราคาพุ่งแตะ 2.99 ดอลลาร์ ก่อนร่วง 92%

ปี 2025 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของโครงการคริปโตบนมือถืออย่าง ไพเน็ตเวิร์ก (Pi Network) เมื่อสามารถเปิดตัว ‘เมนเน็ต’ อย่างเป็นทางการได้ในที่สุด หลังจากเลื่อนมาแล้วหลายครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยโทเคน PI ได้เริ่มต้นการซื้อขายในตลาดหลัก อย่าง บิทเก็ต(Bitget), OKX และ MEXC เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ และมีราคาทะยานขึ้นทันทีแตะระดับสูงสุดที่ 2.99 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 4,320 บาท) ทว่าเพียงไม่กี่เดือนหลังจากนั้น มูลค่ากลับร่วงลงแทบทั้งหมด ทำให้ทั้งราคาโทเคนและความคาดหวังของผู้ที่เกี่ยวข้องสั่นคลอนไปพร้อมกัน

ในช่วงต้นปี กลุ่มผู้ใช้งานต่างหมดความอดทนกับประวัติการเลื่อนเมนเน็ตอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ไพเน็ตเวิร์กสามารถพลิกสถานการณ์ได้ด้วยการเปิดตัว ‘โอเพ่นเน็ตเวิร์ก’ ซึ่งทำให้ PI ถูกลิสต์ในตลาดเป็นครั้งแรก ณ วันที่ 19 กุมภาพันธ์ สร้างแรงกระเพื่อมในชุมชนและผลักดันราคาให้พุ่งขึ้นทันที สะท้อนความหวังใหม่ต่อการสร้างระบบนิเวศแบบไม่มีศูนย์กลาง

หลังจากนั้น ทางโครงการพยายามสร้างแรงส่งต่อเนื่องผ่านกิจกรรมในเดือนมีนาคม เช่น การขยายช่วงเวลา KYC เพิ่มกิจกรรมชุมชน ‘PiFest’, เปิดให้จองโดเมนไซต์ .pi และจัดงานฉลองวัน Pi Day รวมถึงในเดือนพฤษภาคมก็ประกาศขยาย ‘เครือข่ายโฆษณา Pi’ ให้ครอบคลุมทั่วทั้งแอปของระบบนิเวศ พร้อมเปิดคุณสมบัติกระเป๋าเงินใหม่ เพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลายยิ่งขึ้น

กระแสกลับมาอีกครั้งช่วงกลางเดือนพฤษภาคม เมื่อลือกันว่า PI จะลิสต์ใน ไบแนนซ์(Binance) ทำให้ราคา PI แกว่งกลับมาที่ 1.70 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,456 บาท) อย่างไรก็ตาม ข่าวนี้ไม่เป็นความจริง ทำให้ทีมพัฒนาหันไปเปิดตัว ‘ไพเน็ตเวิร์กเวนเจอร์ส’ (Pi Network Ventures) ซึ่งเป็นกองทุนขนาด 100 ล้านดอลลาร์ (ราว 1,445 ล้านบาท) เพื่อส่งเสริมโปรเจกต์ภายในระบบนิเวศ PI และสร้างการเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจจริง

ในเดือนมิถุนายน โครงการได้เปิดตัวแพลตฟอร์มสนับสนุนผู้พัฒนา AI ในนาม ‘Pi App Studio’ พร้อมจัดกิจกรรม Pi2Day เพื่อเสริมพลังให้กับชุมชน นอกจากนี้ยังมีการจัด ‘แฮ็กกาธอนเมนเน็ต’ ครั้งแรกในช่วงฤดูร้อน ตอนจบของงานจัดขึ้นในเดือนตุลาคมและมีการประกาศรางวัลในเดือนธันวาคม ขณะเดียวกัน ฟังก์ชัน Pi DEX และระบบ Liquidity Pool ก็ถูกปล่อยออกมาในเดือนเดียวกัน ถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายเข้าสู่ตลาด DeFi

อีกหนึ่งประเด็นใหญ่คือการปรับกระบวนการ KYC ให้ราบรื่นขึ้น ผ่านฟีเจอร์ ‘Fast Track’ ที่ช่วยให้การยืนยันตัวตนรวดเร็วขึ้น ส่งผลให้สัดส่วนผู้ใช้งานที่ผ่าน KYC เพิ่มขึ้นมาก อีกทั้งในเดือนพฤศจิกายน ไพเน็ตเวิร์กยังจับมือกับ CiDi Games เพื่อก้าวเข้าสู่โลกเกม Web3 พร้อมอัปเดตฟังก์ชัน DEX และระบบการมีส่วนร่วมในชุมชนช่วงปลายปี

แม้จะมีการพัฒนาหลายด้าน แต่ราคาโทเคน PI ก็ยังคงอยู่ในทิศทางขาลง โดยหลังจากแตะระดับสูงสุดที่ 2.99 ดอลลาร์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ราคาก็ร่วงลงตลอดครึ่งปีหลัง จนกระทั่งต้นเดือนตุลาคม ราคาได้ลดลงต่ำสุดที่ 0.172 ดอลลาร์ (ประมาณ 249 บาท) และปัจจุบันทรงตัวอยู่แถวแนวรับจิตวิทยาที่ 0.20 ดอลลาร์ (ราว 289 บาท) หรือคิดเป็นการลดลงมากกว่า 92%

แม้ในบางช่วงโครงการจะมีข่าวดีหรือเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ดันราคาให้ฟื้นตัวเล็กน้อย แต่แรงซื้อก็ไม่สามารถประคองราคาไว้ได้อย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางรายเริ่มคาดการณ์ว่า PI อาจพลิกกลับมาได้ในปี 2026 หากโปรเจกต์สามารถตอบโจทย์การใช้งานจริงได้มากพอ โดยเฉพาะกลุ่มพัฒนาแอปในระบบ Pi App Studio และการลงทุนจาก Pi Ventures ที่อาจพลิกโฉมเส้นทางของ PI ในระยะยาว

‘ความคิดเห็น’: แม้ราคาจะยังไม่หวือหวา แต่ปี 2025 นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนภาพลักษณ์จากโครงการแบบทดลองสู่แพลตฟอร์มใช้งานจริง การจัดการ KYC, การเติบโตของนักพัฒนา และความพยายามสร้างแรงจูงใจในชุมชนถือเป็นกุญแจสำคัญสำหรับอนาคต

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความหลัก

ปี 2025: กฎระเบียบคริปโตทั่วโลกชัดเจนยิ่งขึ้น ดันยุค 'ใบอนุญาตครองเมือง'

สตาร์คเน็ต(Starknet) ดันบิตคอยน์(BTC) สู่เศรษฐกิจใหม่ TVL พุ่งแตะ 310 ล้านดอลลาร์ใน 6 เดือน

ปี 2026 จุดเปลี่ยนของดีแอป(DApps): พิสูจน์คุณค่าใช้งานจริงหลังผ่านยุคเก็งกำไร

ผู้ร่วมก่อตั้ง Aave ถูกจวกยับ หลังซื้อโทเค็น AAVE มูลค่า 10 ล้านดอลลาร์เพิ่มอำนาจโหวต

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1